รศ.ดร.เฉลียว วิทูรปกรณ์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อีสเทิร์นโพลีเมอร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ EPG ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์โพลีเมอร์และพลาสติกแปรรูปชั้นนำของโลก เปิดเผยว่า บริษัทคาดแนวโน้มผลงานงวดบัญชีไตรมาส 4/2568 (ม.ค.-มี.ค.68) น่าจะได้เห็นการพลิกกลับมาดีขึ้นอย่างชัดเจนจากไตรมาสก่อนหน้า เนื่องจากทิศทางของกลุ่มธุรกิจต่างๆ ของบริษัททั้งกลุ่มธุรกิจฉนวนกันความร้อน/เย็น(Aeroflex) และกลุ่มธุรกิจชิ้นส่วนอุปกรณ์และตกแต่งยานยนต์ (Aeroklas) ล้วนกลับมาเติบโตได้ดีขึ้น ส่งผลให้รายได้โดยรวมขยายตัว ประกอบกับมองว่าภาพรวมการตั้งสำรองหนี้สงสัยสูญ (ECL) ในไตรมาสดังกล่าวจจะลดลงอย่างมีนัย
*ลุ้นเคลียร์ปมจบ ECL ลดฮวบ
โดยในส่วนของธุรกิจร่วมทุนในแอฟริกาใต้นั้นอยู่ระหว่างการแก้ไขปัญหา ซึ่งสามารถแก้ไขปัญหาในกระบวนการผลิตจาก Red Flag ให้เป็น Green Flag เรียบร้อยแล้ว และอยู่ระหว่างการเจรจากับ Supply Chain ทั้งหมด โดยผลการเจรจาคืบหน้าไปด้วยดี หลังในงวดบัญชีไตรมาส 3/2568 (ต.ค.-ธ.ค.67) ที่ผ่านมาบริษัทร่วมทุนมีเงินสดรับเพิ่มขึ้นและทยอยชำระหนี้ให้ บริษัท แอร์โรคลาส จำกัด แล้ว คาดว่าในงวดบัญชีในไตรมาส 4/2568 (ม.ค.-มี.ค 68) จะได้รับชำระหนี้อีกจำนวนหนึ่ง
ขณะเดียวกันปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างการดำเนินการแก้ไขปัญหาของธุรกิจร่วมทุนในแอฟริกาใต้ และธุรกิจในออสเตรเลีย คาดได้เห็นความชัดเจนในช่วงมีนาคม 2568 ซึ่งหากการเจรจาในส่วนต่างๆ สำเร็จลุล่วงตามที่วางไว้ คาดอาจจะได้เห็นตัวเลขของ ECL ลดลงหรือไม่มีการตั้งสำรองเข้าเพิ่มเติม
*ปีนี้รายได้โต 10%
สำหรับแนวโน้มผลประกอบการงวดปีนี้ (เม.ย.67-มี.ค.68) ทาง EPG ประเมินว่ารายได้จะสามารถเติบโตได้ตามเป้าหมายที่วางไว้เพิ่มขึ้นราว 8-10% เมื่อเทียบกับปีก่อน และอัตรากำไรขั้นต้นที่ 30 - 33% หลังผลงานงวด 9 เดือนปีนี้ (เม.ย. – ธ.ค.67) บริษัทมียอดขาย10,571 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้น จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มียอดขาย 9,659 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.4% มีอัตรากำไรขั้นต้นที่ 32.9% เป็นไปตามเป้าหมาย ประกอบกับมองว่าภาพรวมธุรกิจในช่วงที่เหลือปีนี้คงดีขึ้นต่อเนื่อง ตลอดจนธุรกิจสามารถบริหารจัดการต้นทุนได้ดียิ่งขึ้น
*เล็งอัพงบลงทุนเพิ่ม
นอกจากนี้ บริษัทอยู่ระหว่างการศึกษาเรื่องการปรับเพิ่มงบลงทุนในช่วง 3 นับจากนี้ (งวดบัญชีปี 2568-2570) จากเดิมที่ตั้งไว้ราว 866 ล้านบาท แบ่งเป็น กลุ่ม Aeroflex อยู่ที่ราว 347 ล้านบาท, กลุ่ม Aeroklas ที่ประมาณ 439 ล้านบาท และกลุ่มบรรจุภัณฑ์อาหาร (Epp) อีก 80 ล้านบาท หวังรองรับโอกาสและการลงทุนที่มากขึ้นในอนาคต ซึ่งตัวเลขที่ชัดเจนน่าจะมีการสรุปได้ในช่วงกลางปีนี้
ด้านนักวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ฝ่ายวิเคราะห์ให้คำแนะนำ “ซื้อ“ หุ้น EPG ให้ราคาเป้าหมาย 4.60 บาท เพราะมองราคาหุ้นสะท้อนปัจจัยลบต่างๆ ไปมาก จนปัจจุบันราคาหุ้นยังมี Upside มากกว่า 40 % หลังปรับไปใช้ราคาเป้าหมายที่สะท้อนพื้นฐานใหม่ปี 2568 เพิ่มเติม โดยอิงกับ PER ต่ำเพียง 9.3เท่า ใกล้เคียงค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 1 ปี-2S.D. (และใกล้เคียงกับ PER ที่ต่ำที่สุดนับตั้งแต่เข้าตลาดของEPG ที่ 9 เท่า)
นอกจากนีั ฝ่ายวิเคราะห์คาดทาง EPG จะจ่ายปันผลครึ่งหลังของงวดบัญชีปีนี้ ในอัตราหุ้นละ 0.12 บาท คิดเป็น Div. Yield 3.9%ประกอบแนวโน้มธุรกิจที่ทยอยฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งทาง EPG ยังมีปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง ทำให้ฝ่ายวิเคราะห์จึงมองเป็นโอกาสในการลงทุน
เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา อ่านเพิ่มเติม