#MASTER #ทันหุ้น-หุ้นบริษัท มาสเตอร์ สไตล์ จำกัด (มหาชน) หรือ MASTER ราคาปรับตัวลง 3.88% ด้านโบรกเกอร์ มองกรณีที่ผู้ถือหุ้นใหญ่ขายหุ้นบิ๊กล็อต 11.36 ล้านหุ้นให้กับกองทุนต่างประเทศ ที่มุมมองต่างกัน "ลิเบอเรเตอร์" มองเชิงลบ และได้ลดคำแนะนำเป็นถือ เชื่อจะเป็น Overhang ต่อราคาหุ้นเมื่อหมด Lock-up period ด้าน"ดาโอ" ยังคงแนะนำซื้อ เชื่อการขายบิ๊กล็อตนี้ในราคาที่เหมาะสม เพื่อเพิ่มฟรีโฟลท และสัดส่วนนักลงทุนสถาบัน ไม่กระทบต่อการดำเนินงานของบริษัท
ความเคลื่อนไหวราคาหุ้น MASTERเช้านี้อยู่ที่ 30.75 บาท ลบ 1.50 บาท หรือ 4.65% ระหว่างวันราคาลงมาต่ำสุดที่ 24.80 บาท ขึ้นมาสูงสุดที่ 31.25 บาท โดยมีมูลค่าการซื้อขาย 726.39 ล้านบาท
บล.ลิเบอเรเตอร์ มีมุมมองลบ ต่อการที่ผู้ถือหุ้นใหญ่ได้ขายหุ้นบิ๊กล็อตจำนวน 11.36 ล้านหุ้น หรือ 3.78% ให้กับกองทุนต่างประเทศ 4 แห่ง และจะมี Lock-up period ช่วง 6-12 เดือน โดยมีวัตถุประสงค์เพิ่มฟรีโฟลท์ และผู้บริหารยืนยันจะขายไม่เกิน 5% ซึ่งฝ่ายวิจัยได้ปรับลดคำแนะนำในหุ้น MASTER ลงเป็นถือ จากเดิมแนะนำซื้อ พร้อมทั้งปรับราคาพื้นฐานใหม่อยู่ที่ 38.75 บาท จากเดิมที่ 61.50 บาทชี้ว่ามีความเสี่ยงของราคาหุ้นที่ไม่เป็นธรรมชาติ และมี Overhang ของหุ้นบิ๊กล็อตจำนวน 11.36 ล้านหุ้น ฝ่ายวิจัยมองว่าเมื่อหมด Lock-up period ก็ยังคงปกคลุม แม้จะยังคงประมาณการสำหรับผลดำเนินงานในปี 2568 เหมือนเดิม
"แม้แนวโน้มธุรกิจยังเป็นไปตามกรอบประมาณการของเรา และอยู่ในเมกะเทรนด์ แต่พฤติกรรมราคาหุ้นที่ไม่เป็นธรรมชาติในช่วง 3-4 วันที่ผ่านมา และราคาขายที่ 37.00 บาท สะท้อนเป็น พี/อี เรโชปี 2568 เพียง 16.1 เท่า ซึ่งสะท้อนการต่อรอง และมุมมองของผู้ซื้อและผู้ขาย(ผู้บริหาร) ว่าอุตสาหกรรมนี้ไม่ง่ายเหมือนก่อน สอดคล้องกับการ derate ของกลุ่ม รพ. ก่อนหน้า ขณะที่ประเด็น Free Float เรามองว่าปัจจุบันมีมากอยู่แล้ว"ฝ่ายวิจัยลิเบอเรเตอร์ระบุในบทวิเคราะห์
ด้านบล.ดาโอ(ประเทศไทย) แนะนำซื้อหุ้น MASTER ให้ราคาเป้าหมายที่ 64.00 บาท โดยประเมินกำไรสุทธิไตรมาส 4/67 อยู่ที่ 229 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 40%จากช่วงเดียวกันปีก่อน หรือ YoY และเพิ่มขึ้น 110% จากไตรมาสก่อน หรือ QoQ โดยกำไรที่เติบโตตามรายได้ที่ขยายตัว จากรายได้ศัลยกรรมขยายตัว จากลูกค้าที่เลื่อนการทำศัลยกรรมจากน้ำท่วมมาเป็นไตรมาส 4/67 และลูกค้าต่างประเทศที่เพิ่มขึ้น และ Selling expense ปรับตัวลดลงจากการควบคุมค่าใช้จ่ายที่มีประสิทธิภาพ ด้านกำไรที่ขยายตัว
ฝ่ายวิจัยดาโอ ยังคงประมาณการกำไรสุทธิทั้งปี 2567 อยู่ที่ 532 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 28% YoY และปี 2568 อยู่ที่ 666 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 25% YoY มาจากรายได้ที่เติบโต ทั้งลูกค้าคนไทย และต่างชาติที่เพิ่มขึ้น , อัตรากำไรขั้นต้นขยายตัว จาก utilization rate ที่ดีขึ้น
ส่วนกรณีที่ผู้ถือหุ้นใหญ่ได้มีการขายหุ้นบิ๊กล็อต 11.37 ล้านหุ้น ที่ราคา 37.00 บาท รวมมูลค่า 420.6 ล้านบาท ให้กับกองทุนต่างประเทศที่สนใจเข้ามาถือหุ้นนั้นมองว่าการขายบิ๊กล็อตครั้งนี้ เป็นการขายในราคาที่เหมาะสม เพื่อเพิ่มฟรีโฟลท และสัดส่วนนักลงทุนสถาบัน ไม่กระทบต่อการดำเนินงานของบริษัท
เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา อ่านเพิ่มเติม