แหล่งข่าววงการอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ล่าสุดทางบริษัท พรีบิลท์ จำกัด (มหาชน) หรือ PREB ได้รับการคัดเลือกให้พัฒนาโครงการก่อสร้างผู้ป่วยของโรงพยาบาลเอกชน ในโซนรังสิตเพิ่มเติม คิดเป็นมูลค่าโครงการรวมประมาณ 1 พันล้านบาท หลังเป็นผู้ชนะการยื่นซองประกวดราคาได้เหนือคู่แข่งรายอื่นในอุตสาหกรรมเดียวกัน คาดน่าจะสามารถเซ็นสัญญาได้ในเร็วๆ นี้
*ฮุบงานเพิ่มพันล.
ทั้งนี้ ภายหลังจากการได้รับโครงการดังกล่าว ทำให้บริษัทมีงานในมือ (Backlog หรือ “แบ็กล็อก”) ปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็นมากกว่า 8 พันล้านบาท จากเดิมที่กว่า 7 พันล้านบาท โดยประเมินว่าน่าจะสามารถดำเนินการส่งมอบงานต่างๆ และรับรู้รายได้ต่อเนื่องไปอีกไปต่ำกว่า 2 ปีข้างหน้าหรือประมาณช่วงปี 2569
ด้านนายวิโรจน์ เจริญตรา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พรีบิลท์ จำกัด (มหาชน) หรือ PREB กล่าวว่า เบื้องต้นมีแนวทางเข้าประมูลโครงการใหม่ๆ ของทั้งภาคเอกชน และอื่นๆ คิดเป็นมูลค่าประมาณ 5 พันล้านบาท ซึ่งธุรกิจหวังได้รับการคัดเลือกให้ได้มากที่สุด เพื่อเสริมรายรับเพิ่มเติม ตลอดจนสนับสนุนภาพรวมธุรกิจในระยะยาว
อย่างไรก็ดี ในช่วงที่ผ่านมาทาง PREB ได้ประมาณการตัวเลขการดำเนินงานปี 2567 จะทรงตัวเมื่อเทียบกับปี 2566 ที่ราว 4.9 พันล้านบาท เพราะทางด้านธุรกิจรับเหมาก่อสร้างที่รอรับรู้รายได้อีกเป็นจำนวนมาก ซึ่งยังไม่นับรวมโครงการใหม่ๆ ที่อาจจะได้เข้ามาเพิ่มเติม
*มาตรการรัฐหนุน
ด้านบรรยกาศของกลุ่มธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์มที่ปัจจุบันนั้นดำเนินการภายใต้ พรีบิลท์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (บริษัทย่อยของ PREB) ประเมินยังมีการโอนอย่างต่อเนื่อง หลังช่วงที่ผ่านมาคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้อนุมัติมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านภาคอสังหาริมทรัพย์
สำหรับลดค่าธรรมเนียมการจดทะเบียน และการจดจำนอง เหลือ 0.01% จาก 2% สำหรับบ้านมือ 1 และ มือ 2 ที่มีราคาซื้อขาย ราคาประเมินทุนทรัพย์ และวงเงินจำนองไม่เกิน 7 ล้านบาท สิ้นสุดสิ้นปี 2567 และถือเป็นปัจจัยที่ช่วยสนับสนุนภาพรวมธุรกิจให้เป็นไปตามที่ประเมินไว้อีกทางหนึ่ง
ทั้งนี้ จากการสำรวจข้อมูลตัวเลขสัดส่วนรายได้ของ PREB ในล่าสุด แบ่งเป็น ธุรกิจรับเหมาก่อสร้างอยู่ที่ประมาณ 90%, ธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์อีกราว 10% รวมทั้งบริษัทยังแนวทางพัฒนาโครงการใหม่ต่อเนื่อง เพื่อขยายช่องทางการสร้างรายได้ในอนาคตอีกทางหนึ่ง
*จ่อเคาะแผนอัพแกร่ง
นายวิโรจน์ กล่าวเสริมว่า ในแง่แผนงานของบริษัทในปี 2568 ปัจจุบันนั้นอยู่ระหว่างการดำเนินการและประเมินปัจจัยต่างๆ อาทิ ค่าแรงที่เพิ่มสูงขึ้น ฯลฯ เพื่อเสริมศักยภาพการดำเนินธุรกิจและความแข็งแกร่งในอนาคต ซึ่งน่าจะได้เห็นรายละเอียดต่างๆ ในช่วงต้นปี 2568
อย่างไรก็ตาม ในเบื้องต้นทาง PREB มีแนวทางจะปรับปรุงศักยภาพเครื่องให้ดียิ่งขึ้น ซึ่งควบคู่ไปกับการบริหารจัดการโครงสร้างภายในส่วนต่างๆ เพื่อให้สามารถบริหารจัดการต้นทุนโดยรวมให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิ์ภาพ
เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา อ่านเพิ่มเติม