รศ.ดร.เฉลียว วิทูรปกรณ์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อีสเทิร์นโพลีเมอร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือEPG ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์โพลีเมอร์และพลาสติกแปรรูปชั้นนำของโลก เปิดเผยว่า แนวโน้มค่าเงินบาทที่อ่อนค่าอย่างต่อเนื่องจนล่าสุดเคลื่อนไหวมาอยู่ที่ราว 34.51 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ (อิงข้อมูลของธนาคารแห่งประเทศไทย ณ วันที่ 25 พ.ย. 2567)
อย่างไรก็ดี ปัจจัยดังกล่าวถือเป็นผลบวกต่อบริษัท ซึ่งประเมินว่าน่าจะกลายเป็นปัจจัยบวกต่อบริษัทอย่างชัดเจน เนื่องจากรายได้ส่วนใหญ่ของบริษัทมาจากต่างประเทศ ซึ่งจะช่วยผลักดันให้รายรับส่วนดังกล่าวขยับเพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ จากการสำรวจข้อมูลตัวเลขสัดส่วนรายได้ของ EPG ล่าสุดมาจากการส่งออกสินค้าต่างๆ และดำเนินธุรกิจในต่างประเทศคิดเป็นประมาณ 60% ส่วนที่เหลือเป็นการผลิตและจำหน่ายสินค้าให้กับลูกค้าในไทย
*ขึ้นภาษีไม่กระทบ
สำหรับประเด็นที่ล่าสุดทางว่าที่ประธานาธิบดีคนใหม่ของประเทศสหรัฐอเมริกา “โดนัลด์ ทรัมป์” มีแนวทางจะปรับขึ้นภาษีศุลกากรกับสินค้าที่นำเข้าจากประเทศจีนอีกราว 10% (อิงข้อมูลการโพสส่วนตัวผ่านแพลตฟอร์ม Truth Social เมื่อวันที่ 25 พ.ย. 2567) นั้นเบื้องต้นทางบริษัทมองว่าไม่น่าจะมีกระทบต่อธุรกิจ และในทางกลับกันน่าจะผลดีต่อ EPG เพราะฐานธุรกิจหลักของบริษัทอยู่ในไทย จึงเชื่อน่าจะเป็นโอกาสที่ช่วยสนับสนุนความต้องการ (ดีมานด์) สินค้าในกลุ่มต่างๆ ของธุรกิจเติบโตได้ดียิ่งขึ้นด้วย
นอกจากนี้ ล่าสุดประชุมคณะกรรมการบริษัท (บอร์ด) อนุมัติให้ ALP Aeroflex India Private Ltd. (AAI) (บริษัทร่วม) ดำเนินการเสนอขายหุ้นต่อนักลงทุน(Offer For Sale by Promotors หรือ OFS) และการนำหุ้นของAAI เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ในประเทศอินเดีย เพื่อเสริมความแข็งแกร่งในระยะยาว
ส่วนความชัดเจนเกี่ยวกับการดำเนินการเสนอขายหุ้นต่อนักลงทุนของAAI และการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ในประเทศอินเดียนั้น บริษัทจะดำเนินการตามกฎเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องกำหนด และจะมีการแจ้งให้ทราบต่อไป
รศ.ดร.เฉลียว กล่าวเสริมว่า ในแง่ฐานะทางการของบริษัทในปัจจุบันถือว่าแข็งแกร่ง โดยมีตัวเลขอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E) เพียง 0.57 เท่า และมีกระแสเงินในสดในมืออีกประมาณ 1 พันล้านบาท ซึ่งมีศักยภาพเพียงพอในการจัดการกับปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นได้เป็นอย่างดี
อย่างไรก็ดี ในช่วงที่ผ่านมาทางบอร์ดของ EPG ได้มีมติอนุมัติการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลสำหรับผลการดำเนินงานสิ้นสุด30 กันยายน 2567 ในอัตราหุ้นละ0.06 บาท (หกสตางค์) รวมเป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 168 ล้านบาท ซึ่งได้มีการกำหนดขึ้นเครื่องหมายไม่ได้รับสิทธิ์ปันผล (XD) ในวันที่ 27 พฤศจิกายน 2567 (นักลงทุนที่เข้าลงทุนใน EPG ตั้งวันที่ 27 พ.ย. 2567 นั้นจะไม่ได้รับสิทธ์ในส่วนของการปันผลระหว่างกาลดังกล่าว) ซึ่งบริษัทจะมีจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นที่ได้รับสิทธิ์ในวันที่ 9 ธันวาคม 2567
*แกร่งอนาคต 5.8 บ.
ด้านนักวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ฝ่ายวิเคราะห์ให้คำแนะนำ “ซื้อ” หุ้น EPG ให้ราคาเป้าหมาย 5.80 บาท เนื่องจากมองว่าราคาในช่วงที่ผ่านมาได้สะท้อนปัจจัยลบเกี่ยวกับผลการดำเนินงานไปมากแล้ว ประกอบกับบริษัทยังมีปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง รวมทั้งโอกาสการเติบโตในอนาคต
เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา อ่านเพิ่มเติม