BEM โบรกฯ มองหลังกำไร Q3/67 นิวไฮ คาดแนวโน้ม Q4 แนะกลยุทธ์ลงทุน

#BEM #ทันหุ้น-โบรกเกอร์หลายรายได้ออกบทวิเคราะห์หุ้นบริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BEM หลังประกาศงบไตรมาส 3/67ที่มีกำไรสุทธิ 1.07 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 10% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน หรือ YoY และเพิ่มขึ้น 6% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน หรือ QoQ และมีกำไรปกติ

ที่ 1,067 ล้านบาท เป็นการทำสถิติสูงสุดใหม่ ตามจำนวนผู้ใช้บริการรถไฟฟ้าเพิ่มขึ้น ขณะเดียวกันคาดการณ์แนวโน้มไตรมาส 4/67 กำไรยังเติบโตต่อเนื่อง เมื่อเทียบ YoY เพราะได้รับผลดีจากการโรงเรียนเปิดเทอม รวมถึงโครงการใหญ่ One BangkoK เปิดให้บริการ และงานสัปดาห์หนังสือ แต่กำไรจะลดลงหากเทียบ QoQ เพราะปลายปีมีวันหยุดมาก รวมถึงไม่มีเงินปันผลจาก TTW หนุนพร้อมประเมินราคาเป้าหมายและคำแนะนำการลงทุน

บล.ดาโอ(ประเทศไทย) ระบุว่า BEM มีกำไรไตรมาส 3/67 เป็นไปตามคาด ขณะที่หากเทียบกำไรปกติไตรมาส 3/67 จะทำสถิติสูงสุดใหม่ เนื่องจากได้รับปัจจัยสนับสนุนจากผู้โดยสารรถไฟฟ้าทำสถิติสูงสุดใหม่รายไตรมาสที่ 4.4 แสนเที่ยวต่อวัน เพิ่มขึ้น 7% YoY และเพิ่มขึ้น 11% QoQ โดยได้อานิสงส์จากไฮซีซั่นของการเดินทาง ขณะที่ผู้ใช้ทางด่วนยังทรงตัวที่ 1.1 ล้านเที่ยวต่อวัน เพิ่มขึ้น 0.4% YoY และเพิ่มขึ้น 2% QoQ

ฝ่ายวิจัยดาโอ ประเมินแนวโน้มไตรมาส 4/67 เบื้องต้นกำไรสุทธิจะฟื้นตัวต่อเนื่อง YoY แต่จะชะลอตัว QoQ เนื่องจากปัจจัยฤดูกาลของวันหยุดยาวในสิ้นปีและไม่มีอานิสงส์เงินปันผล ซึ่งปกติจะบันทึกไตรมาส 2 และ 3 ของปี แต่จะถูกชดเชยบางส่วนจากแนวโน้ม ต.ค.-ก.ย. 2567 ยังดีหนุนโดยการเปิดภาคเรียน การเปิดโครงการใหญ่ One BangkoK และอานิสงส์การจัดกิจกรรม เช่นงานสัปดาห์หนังสือ ซึ่งฝ่ายวิจัยยังคงประมาณการกำไรทั้งปี 2567 อยู่ที่ 3.7 พันล้านบาท เติบโต 8% YoY และปี 2568อยู่ที่ 4 พันล้านบาท เติบโต 6% YoY

กลยุทธ์การลงทุน แนะนำซื้อหุ้น BEM ให้ราคาเป้าหมายที่ 11.40 บาท มองว่ายังมี catalyst จากความคืบหน้าโครงการ Double Deck ในไตรมาส 4/67 ถึงครึ่งแรกปี 2568 และการเริ่มเจรจาสัญญาเดินรถสายสีม่วงใต้ในปี 2568

บล.หยวนต้า(ประเทศไทย) ระบุว่า BEM รายงานกำไรปกติไตรมาส 3/67 อยู่ที่ 1,067 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.4% QoQ และเพิ่มขึ้น 10.0% YoY ทำจุดสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง และใกล้เคียงกับที่ฝ่ายวิจัยคาด ส่วนแนวโน้มไตรมาส 4/67 คาดว่าจะมีกำไรปกติอยู่ที่ราว 900-950 ล้านบาท ลดลง QoQ เนื่องจากจะไม่มีเงินปันผลรับจาก TTW แต่ภาพธุรกิจหลักคาดยังเติบโตทั้ง QoQ และ YoY จากระบบรางที่รายงานยอดผู้ใช้รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินเดือน ต.ค.2567 กลับมาเร่งตัวขึ้นที่ 4.4 แสนราย/วัน และประเมินจำนวนผู้ใช้เฉลี่ยในไตรมาส 4/67 มีโอกาสทรงตัวในระดับสูงจากไตรมาส 3/67 โดยมีปัจจัยหนุนสำคัญ จากโครงการ One Bangkok ที่เปิดอย่างเป็นทางการแล้วเมื่อวันที่ 25 ต.ค. 2567 และการเติบโต YoY ของจำนวนผู้ใช้ทางด่วนและรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน

ฝ่ายวิจัยหยวนต้า ยังคงประมาณการกำไรปกติปี 2567 ของ BEM ที่ 3.9 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.8% YoY และคงคำแนะนำซื้อ ให้ราคาเหมาะสมปี 2568ที่ 12 บาท มองว่ายังมี Upside Risk สำคัญที่ยังไม่รวมไว้ในประมาณการได้แก่ (1) โครงการทางด่วน Double Deck ปัจจุบันรัฐบาลอยู่ระหว่างการเจรจารายละเอียดสัญญาสัมปทานของ BEM คาดเห็นความชัดเจนมากขึ้นในไตรมาส 4/67 เบื้องต้นจะคิดเป็น Upside Risk ที่ระดับ 2.00-2.50 บาท/หุ้น และ (2) รถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้คาดการเจรจาระหว่างรัฐฯและเอกชนเพื่อหาผู้เดินรถจะเริ่มในช่วงครึ่งแรกปี 2568

บล.ฟิลลิป(ประเทศไทย) ระบุว่า BEM มีกำไรไตรมาส 3/67 ที่ทำนิวไฮ แต่ต่ำกว่าคาด 3.8% โดยไม่ได้มีรายการใดแตกต่างอย่างมีนัยจากที่คาดไว้ รายได้โตจากผู้ใช้บริการรถไฟฟ้าและปรับค่าโดยสารสูงขึ้นเป็นหลัก ส่วนแนวโน้มไตรมาส 4/67 คาดว่ากำไรยังเติบโต YoY จากรถไฟฟ้าที่ดีขึ้น และผลดีจากการเปิดอสังหาริมทรัพย์ใหญ่ 2 โครงการ แต่กำไรจะลดลง QoQ จากวันหยุดที่เยอะและไม่มีปันผลของ TTW โดยยังคงแนะนำซื้อ ให้ราคาเป้าหมายปี 2567 อยู่ที่ 10.90 บาท

บล.บัวหลวง ระบุว่า BEM มีกำไร Q3/67 ออกมาดีตามคาด ตามจำนวนผู้โดยสารรถไฟฟ้า MRT ที่เพิ่มขึ้น และการดำเนินการเชิงพาณิชย์ของรถไฟฟ้าสายสีเหลืองและสีชมพู ป้อนผู้โดยสารใหม่เข้าสู่ระบบรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินของ BEM และรายได้จากธุรกิจพัฒนาเชิงพาณิชย์เพิ่มขึ้น ส่วนแนวโน้มกำไรหลักในงวดไตรมาส 4/67 คาดว่าจะเติบโต YoY จากจำนวนผู้โดยทางด่วน และผู้โดยสารรถไฟฟ้า MRT ที่เพิ่มขึ้น และค่าโดยสาร MRT เฉลี่ยที่สูงขึ้น แต่กำไรหลักจะลดลง QoQ เพราะไม่มีรายได้จากเงินปันผล

โดยยังคงแนะนำซื้อหุ้น BEM ให้ราคาเป้าหมายที่ 12.70 บาท มองแนวโน้มกำไรระยะยาวที่มั่นคง น่าจะเป็นปัจจัยหนุนราคาหุ้นได้ต่อไป นอกจากนี้ยังเห็นโอกาสของ BEM ในการพัฒนาธุรกิจผ่านการขยายโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งในไทย