นายสมชาย เมฆะสุวรรณโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไอแอนด์ไอ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ IIG ที่ปรึกษาด้านดิจิทัลและเทคโนโลยีชั้นนำของประเทศไทย เปิดเผยว่า อัตราการเติบโตของบริษัทในช่วงนี้ เกิดจากการได้รับงานใหม่ที่ทยอยเข้ามา ซึ่งทำให้บริษัทสามารถรับรู้รายได้อย่างต่อเนื่อง โดยบริษัทมีสัญญาการให้บริการที่เป็นรายได้ประจำ (Recurring Revenue) ที่เป็นสัญญาระยะยาว ทำให้สร้างเสถียรภาพให้กับรายได้รวมในอนาคต
ส่วนของงานโครงการบริษัทมีเป้าหมายเสนอราคาโครงการใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง โดยในขณะนี้อยู่ระหว่างการเสนอราคาโครงการมูลค่ารวมประมาณ 500ล้านบาท เพื่อรองรับการเติบโตในปีหน้า ขณะที่ปัจจุบันมีงานในมือ(แบ็กล็อก) อยู่ที่ใกล้เคียงกับ 300 ล้านบาท
สำหรับในปี 2567นี้ บริษัทตั้งเป้ารายได้ที่ 1,200 - 1,400 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตราการเติบโต 30-40%เมื่อเทียบกับปี 2566 ที่มีรายได้รวมอยู่ที่ 949ล้านบาท จากการพัฒนาแพลตฟอร์มและบริการใหม่ๆ ของบริษัทจะช่วยตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าในยุคดิจิทัลที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว
“การเติบโตของรีเคอริ่งนี้เป็นผลจากการขยายฐานลูกค้าใหม่ และการพัฒนาระบบบริหารจัดการลูกค้าปัจจุบันให้ก้าวสู่ระบบออนคลาวด์อย่างยั่งยืน ทำให้บริษัทสามารถรักษาการเติบโตได้ในทุกไตรมาส ซึ่งปัจจุบันอยู่ในสัดส่วน 72% ของรายได้รวม เราตั้งเป้าที่จะสร้างรายได้ที่เป็นรีเคอริ่งให้เติบโตอย่างสม่ำเสมอ มากกว่าแบบ One-Time Project” นายสมชาย กล่าว
อย่างไรก็ตามบริษัทมองกลยุทธ์การเติบโตใหม่ๆ เพื่อให้สอดคล้องกับเมกะเทรนด์ที่สำคัญ 3 ประการ ได้แก่ เทคโนโลยี AI, ความยั่งยืน (Sustainability) และสุขภาพ (Health Care)
นอกจากนี้ยังได้มีการขยายธุรกิจร่วมกับพันธมิตร และการนำเสนอเทคโนโลยีใหม่ๆ เป็นแนวทางที่บริษัทจะใช้ในการขับเคลื่อนการเติบโตในอนาคต พร้อมแสดงความมั่นใจว่าสามารถตอบสนองต่อความต้องการของตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ
สำหรับโอกาสในอนาคตหลังจากที่มีบริษัทเทคโนโลยีระดับโลก อาทิ AWS, Google และ Microsoft มีแผนสร้างศูนย์ Data Center ในประเทศไทย มีการเคลื่อนไหวของผู้บริหารระดับสูงจากบริษัทเหล่านี้ ซึ่งจะเข้ามาดูแลโครงการลงทุนในอนาคต ทำให้มีโอกาสส่งเสริมความต้องการของอุตสาหกรรม IT ในประเทศ นอกจากนี้ NVIDIA ซึ่งเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีกราฟิกและ AI ยังมีแผนส่ง CEO เข้ามาประเทศไทยด้วย
ขณะที่บริษัทไอทีชั้นนำในไทยเตรียมความพร้อมรองรับการลงทุนด้าน AI และ Data Center จากบริษัทเทคโนโลยีระดับโลกอย่าง NVIDIA, AWS, Google และ Microsoft ซึ่งการเข้ามาลงทุนในประเทศไทยของบริษัทขนาดใหญ่เหล่านี้ไม่เพียงแค่เป็นเม็ดเงินลงทุน แต่ยังนำระบบ Ecosystem ที่สมบูรณ์เข้ามาด้วย ซึ่งประกอบด้วยพาร์ตเนอร์ระดับ Tier 1 และ Tier 2ที่จะช่วยให้เกิดการเติบโต และขยายตัวของเทคโนโลยีในประเทศ นอกจากนี้บริษัทยังได้เริ่มพูดคุยกับพาร์ตเนอร์บางรายของบริษัทเหล่านี้ เพื่อพัฒนาความร่วมมือในด้านการสร้างสรรค์เทคโนโลยี AI และนวัตกรรมใหม่ๆ อีกด้วย
“ปีนี้จะเป็นปีของการฟื้นตัว โดยผลประกอบการของบริษัทในช่วงไตรมาสที่ 3 และ 4 คาดว่าจะทำรายได้สูงสุดใหม่ และเริ่มกลับมามีกำไร ถือเป็นสัญญาณการกลับสู่สภาวะการเติบโตทางธุรกิจที่แข็งแกร่ง รวมถึงการใช้กลยุทธ์การขยายธุรกิจ ที่จะสร้างรายได้ใหม่ๆ ให้กับธุรกิจในอนาคต” นายสมชายกล่าวทิ้งท้าย
รู้ทันเกม รู้ก่อนใคร ติดตาม "ทันหุ้น" ได้ทุกช่องทางเหล่านี้
YOUTUBE คลิก https://www.youtube.com/c/ThunhoonOfficial
FACEBOOK คลิก https://www.facebook.com/Thunhoonofficial/
Tiktok คลิก https://www.tiktok.com/@thunhoon_/
TELEGRAM คลิก https://t.me/thunhoon_news
X คลิก https://twitter.com/thunhoon1
Instagram คลิก https://instagram.com/thunhoon.news?/
เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา อ่านเพิ่มเติม