ตอบโจทย์ตลาดทุน : ตลาดหุ้นยุโรปทางเลือกที่น่าสนใจ

#IMF #ทันหุ้น - กองทุนการเงินระหว่างประเทศหรือ IMF ได้รายงานขนาดเศรษฐกิจของโลก หรือ Global GDP ในปี 2023 ว่า มีขนาดรวม 105 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ โดย 10 ประเทศที่มีขนาด GDP ใหญ่ที่สุดคือ

1 สหรัฐอเมริกา : 25.46 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ

2. จีน : 18.32 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ

3. ญี่ปุ่น : 4.23 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ

4. เยอรมนี : 4.08 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ

5. อินเดีย : 3.73 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ

6. สหราชอาณาจักร : 3.16 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ

7. ฝรั่งเศส : 3.02 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ

8 รัสเซีย : 2.23 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ

9. แคนาดา : 2.09 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ

10. เกาหลีใต้ : 1.86 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ

เป็นที่น่าสังเกตว่ากลุ่มประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่รองจากสหรัฐและจีน ส่วนใหญ่จะกระจุกอยู่ในทวีปยุโรป หากรวมขนาด GDP ของทั้งทวีปยุโรป (สมาชิกสหภาพยุโรป (EU) และประเทศอื่นๆ นอกกลุ่ม EU เช่น รัสเซีย สหราชอาณาจักร และสวิตเซอร์แลนด์) จะมีขนาด GDP ที่ใหญ่ถึง 23.05 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก และถ้าเอาเฉพาะสมาชิกสหภาพยุโรป (European Union) จะอยู่ที่ 16.6 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ

ด้วยขนาดเศรษฐกิจของทวีปยุโรปที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก และยิ่งมีการรวมกลุ่มกันเป็นสหภาพยุโรป (EU) ทำให้ทวีปนี้มีอิทธิพลทางการค้าต่อโลกสูง โดยสหภาพยุโรปเป็นหนึ่งในผู้ส่งออกและนำเข้าสินค้ารายใหญ่ที่สุดในโลก และมีการทำข้อตกลงการค้าเสรีกับหลายประเทศและภูมิภาค จึงมีบทบาทสำคัญในการกำหนดมาตรฐานด้านการค้าระหว่างประเทศ นอกจากนั้นสหภาพยุโรปยังเป็นผู้นำด้านอุตสาหกรรมที่หลากหลาย เช่น การผลิตยานยนต์ อิเล็กทรอนิกส์ อุตสาหกรรมเครื่องบิน และอุตสาหกรรมพลังงานหมุนเวียน โดยเฉพาะประเทศอย่างเยอรมนี ฝรั่งเศส และเนเธอร์แลนด์ ซึ่งเป็นประเทศที่มีนวัตกรรมและเทคโนโลยีชั้นนำ

อย่างไรก็ตามแม้ว่าขนาดเศรษฐกิจของสหภาพยุโรปจะใหญ่โตติด Top 3 ของโลกแต่ การเติบโตอยู่ในเกณฑ์ต่ำ Goldman Sachs คาดการณ์การเติบโตของ GDP ในปี 2024 และ 2025 ไว้เพียง 0.7% และ 1.0% เท่านั้น

. การเติบโตต่ำใน EU มีต้นสายปลายเหตุมาจากการรวมกลุ่มกันของประเทศต่างๆ ในยุโรป แต่ละประเทศมีขนาดเศรษฐกิจและการเติบโตที่ต่างกัน กลุ่มประเทศเศรษฐกิจใหญ่อย่าง เยอรมนี ฝรั่งเศส อิตาลี สเปน เนเธอร์แลนด์ สวีเดน ต้องคอยอุ้มประเทศเศรษฐกิจเล็กอื่นๆ ที่เหลือในกลุ่มอีก 21 ประเทศ

ดังนั้นเมื่อมองที่เศรษฐกิจของยุโรป จะให้ดีจึงมองไปที่ตัวขับเคลื่อนใหญ่อย่าง เยอรมนี ฝรั่งเศส อิตาลี สเปน เนเธอร์แลนด์ สวีเดน รวมไปถึงประเทศที่อยู่นอกสหภาพยุโรปอย่าง สหราชอาณาจักร เช่นเดียวกับการดูตลาดหุ้น ดัชนีที่วัดการเคลื่อนไหวของบริษัทใน EU เป็นที่ยอมรับมากที่สุดคือ STOXX600 Index เป็นดัชนีที่ติดตามราคาหุ้นของ 600 บริษัทขนาดใหญ่ กลาง และเล็กที่มีการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ต่างๆ ทั่วยุโรป

โดยนักลงทุนสามารถลงทุนในหุ้นกลุ่ม Beauty, Luxury และ Healthcare จากยุโรปได้แล้ววันนี้ ผ่านตลาดหุ้นไทย บนแอป Streaming เพราะตอนนี้ธนาคารกรุงไทย ได้ออก DR อ้างอิงหุ้นยุโรป 5 หลักทรัพย์ ได้แก่