ยอดส่งออกอาหารสัตว์เลี้ยงขยายตัวต่อเนื่อง บล.กสิกรไทยแนะ AAI-ITC เด่น

#หุ้นเด่น #ทันหุ้น – บทวิเคราะห์ Pet food Monthly Check-up โดย บล.กสิกรไทย

บล.กสิกรไทยระบุว่า ยอดส่งออกอาหารสัตว์เลี้ยงไทยเดือน ส.ค. เพิ่มขึ้นเป็น 247.9 ล้านดอลลาร์ฯ (+31.7% YoY, +3.9%MoM)

จากการส่งออกไปสหรัฐฯกับ EU ที่เติบโตยอดเยี่ยมในเดือน ก.ค. ยอดนำเข้าอาหารสัตว์จากสหรัฐฯ มีมูลค่า 75 ล้านดอลลาร์ฯ ( +65.9% YoY, -1.3% MoM) ทำให้ไทยมีส่วนแบ่งทางการตลาดมากที่สุดที่ 27.4%

จากการที่เงินบาทแข็งค่าขึ้น บล.กสิกรไทยจึงคงมุมมองกลางต่อกลุ่มอาหารสัตว์เลี้ยงในไตรมาส 3/67

บล.กสิกรไทยคงคำแนะนำ "ซื้อ" ทั้ง AAI และ ITC ด้วยราคาเป้าหมายปี 68 ที่ 8.20 บาท และ 27.40 บาท

Investment Topics

อาหารสัตว์เลี้ยงไทย ยอดส่งออกอาหารสัตว์เลี้ยงของไทยเดือน ส.ค. พุ่งขึ้นเป็น 247.9 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (+31.7% YoY และ +3.9% MoM) เกือบแตะระดับสูงสุดเป็นอันดับ 2 ตลาดต่างประเทศที่มีการปรับตัวดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดที่สุดในเชิง YoY และ MoM ได้แก่ สหรัฐฯ (+20.6% YoY และ +10.9% MoM) ยอดส่งออกไปยังสหภาพยุโรป(EU) ยังเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญที่ +34.7% YoY ขณะที่ยอดส่งออกทั้งหมดในเดือน ก.ค. รวมถึงยอดส่งออกไปยังสหรัฐฯ และ EUแซงหน้ายอดรายเดือนส่วนใหญ่ที่ทำได้ในปี 2565

ตัวเลขอาหารสัตว์เลี้ยงในสหรัฐฯ ในเดือน ก.ค. มูลค่าการนำเข้าอาหารสัตว์ไทยในสหรัฐฯอยู่ที่ 75 ล้านดอลลาร์ฯ (+65.9% YoY และ -1.3% MoM) ทำให้ผู้ผลิตอาหารสัตว์เลี้ยงไทยมีส่วนแบ่งการตลาดสูงสุด ที่ 27.4% (+700 bps YoY และ -40 bps MoM)

อาหารสัตว์เลี้ยงจีน สำหรับคู่แข่งสำคัญของไทยในเอเชียอย่างจีน ในเดือน ก.ค.2567 มีมูลค่าการส่งออกอาหารสัตว์เลี้ยงรวมที่ 134ล้านดอลลาร์ (+20.8% YoY และ -7.1% MoM) โดยมูลค่า 26 ล้านดอลลาร์ฯ ถูกส่งออกไปยังสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 19.0% YoY และลดลง 3.0% MoM ซึ่งบ่งชี้ถึงความต้องการสินค้าจากจีนที่ลดลง

วัตถุดิบ ราคาปลาทูน่าเดือน ส.ค. อยู่ที่ 1,250 ดอลลลาร์ฯ/ตัน (-30.6% YoY และ -20.9% MoM) ราคาเฉลี่ยในเชิง YTD อยู่ที่ 1,408 ดอลลาร์ฯ/ตัน หากพิจารณาจากสิ้นสุดช่วงการห้ามทำประมงโดยใช้แพล่อสัตว์น้ำ (FAD) อัตราการจับปลาทูน่าจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับปกติ ซึ่งจะช่วยหนุนปริมาณการผลิต ดังนั้น ในช่วงที่เหลือของปี 2567ราคาปลาทูน่าไม่น่าจะเพิ่มขึ้นเกินกว่า 1,580 ดอลลาร์ฯ/ตัน ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในเดือน มิ.ย. และ ก.ค. ซึ่งเป็นช่วงที่มีการห้ามใช้ FAD เมื่อเปรียบเทียบกับสมมติฐานของเราสำหรับ AAI และ ITC ที่ 1,540 ดอลลาร์ฯ/ตันในปี 2567 น่าจะทำให้เกิด downside risk ต่อประมาณการต้นทุนของเราในปี 2567

มุมมองของเรา บล.กสิกรไทยมองเห็นสัญญาณบวก 2 ประการและสัญญาณลบ 1 ประการ สัญญาณบวก 1) ความต้องการอาหารสัตว์เลี้ยงของไทยทั่วโลกยังคงแข็งแกร่งในช่วงไฮซีชั่นของการขายในไตรมาสที่ 4/2567; 2) ราคาปลาทูน่ามีแนวโน้มที่จะต่ำกว่าที่บล.กสิกรไทยคาดการณ์ไว้ ขณะที่สัญญาณลบ ได้แก่ เงินบาทที่แข็งค่าขึ้น 10.9% QTD เป็น 32.7 บาท/ดอลลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งน่าจะส่งผลกระทบต่อความสามารถในการทำกำไรของผู้ส่งออกอาหารสัตว์เลี้ยงในไตรมาสที่ 3/2567 ขณะเดียวกัน การวิจัยของ K-Research ระบุว่า เงินบาทน่าจะอ่อนค่าลงเป็น 34.50 บาท/ดอลลาร์สหรัฐฯ ในไตรมาสที่ 4/2567 ดังนั้น บล.กสิกรไทยจึงคงมุมมองที่เป็นกลางต่อกลุ่มธุรกิจนี้ในไตรมาสที่ 3/2567 แต่เชื่อว่าอัตรากำไรน่าจะปรับดีขึ้นภายหลังจากเงินบาทที่อ่อนค่าลง

Valuation and Recommendation

มุมมองกลาง บล.กสิกรไทยคงมุมมองที่เป็นกลางต่อกลุ่มอาหารสัตว์เลี้ยงจากเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นอย่างมาก อย่างไรก็ตาม บล.กสิกรไทยคงคำแนะนำ "ซื้อ" สำหรับทั้ง ITC และ AAI ด้วยราคาเป้าหมายกลางปี 2568 ที่ 27.40 บาท และ 8.20 บาท เนื่องจาก 1) อุปสงค์อาหารสัตว์เลี้ยงระดับพรีเมียมที่แข็งแกร่ง 2) ราคาปลาทูน่าที่ลดลง และ 3) การคาดการณ์ที่ว่าเงินบาทจะอ่อนค่าลงในไตรมาสที่ 4/2567 บล.กสิกรไทยคาดว่า downside risk ต่อประมาณการปี 2567 ของเราจากเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นเมื่อเร็วๆ นี้ จะมีอยู่อย่างจำกัด เนื่องจากราคาปลาทูน่าเฉลี่ยปี 2567 น่าจะต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ และขณะนี้ บล.กสิกรไทยใช้อัตราแลกเปลี่ยน (FX) ปี 2567 ที่ 34.50 บาท และ 36.00 บาท/ดอลลาร์สหรัฐฯ สำหรับ AAI และ ITC ตามลำดับ ทั้งนี้ บล.กสิกรไทยกำลังปรับสมมมติฐาน FX สำหรับ ITC ขณะที่กำไรปกติในครึ่งแรกของปี 2567 ของ AAI และ ITC คิดเป็น 59% และ 55% ของประมาณการทั้งปีของเราแล้ว บล.กสิกรไทยชอบ ITC มากกว่า AAI เนื่องจาก มีแผนป้องกันความเสี่ยงจาก FX ที่มีประสิทธิภาพมากกว่า