#EA #ทันหุ้น-ทริสเรทติ้งลดอันดับเครดิตองค์กรของ บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) และอันดับเครดิตของหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันของบริษัท มาอยู่ที่ระดับ “BB+” จากเดิมที่ระดับ “BBB+”ด้วยแนวโน้มอันดับเครดิต “Negative” หรือ “ลบ” การปรับลดอันดับเครดิตสะท้อนถึงความเสี่ยงด้านสภาพคล่องที่สูงขึ้นในระยะอันใกล้ รวมไปถึงประเด็นเกี่ยวกับธรรมาภิบาลของบริษัทภายหลังจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.) ได้กล่าวโทษต่ออดีตประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และรองประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัทในกรณีร่วมกระทำการทุจริต
ในขณะเดียวกัน ทริสเรทติ้งประกาศ “เครดิตพินิจ” แนวโน้ม “Negative” หรือ “ลบ” ให้กับอันดับเครดิตทั้งหมดของบริษัท ซึ่งสะท้อนถึงความเป็นไปได้ที่ทริสเรทติ้งจะต้องประเมินทั้งแนวโน้มทางธุรกิจและสถานะทางการเงินของบริษัทใหม่ เนื่องจากการกล่าวโทษเรื่องทุจริตนั้นสร้างผลกระทบต่อความน่าเชื่อถือของบริษัทอย่างรุนแรง
เมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม 2567 ทาง ก.ล.ต. ได้กล่าวโทษ นายสมโภชน์ อาหุนัย ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัท พร้อมทั้ง นายอมร ทรัพย์ทวีกุล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และ นายพรเลิศ เตชะรัตโนภาส ว่าได้ร่วมกันกระทำการทุจริตเกี่ยวกับการจัดซื้ออุปกรณ์จากต่างประเทศและการจัดซื้อซอฟต์แวร์สำหรับโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ของบริษัทในระหว่างปี 2556 ถึง 2558 โดย ก.ล.ต. ได้ส่งเรื่องให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) และสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) เพื่อดำเนินการทางกฎหมายต่อไป ทั้งนี้ ผู้บริหารที่ถูกกล่าวโทษได้ลาออกจากตำแหน่งทั้งหมดในบริษัทแล้ว
ทริสเรทติ้งมองว่าประเด็นเรื่องธรรมภิบาลของบริษัทนั้นน่าจะสร้างผลกระทบอย่างรุนแรงต่อความเชื่อมั่นของเจ้าหนี้ และนักลงทุนที่มีต่อบริษัท และทำให้ความเสี่ยงในการรีไฟแนนซ์สูงขึ้นสำหรับภาระหนี้หุ้นกู้ที่จะครบกำหนดชำระในเร็ว ๆ นี้ นอกจากนี้ ทริสเรทติ้งยังมองว่าการเปลี่ยนแปลงผู้บริหารระดับสูงอาจจะส่งผลกระทบต่อการดำเนินงาน และเป็นอุปสรรคต่อการฟื้นฟูธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้า รวมถึงอาจส่งผลให้บริษัทผิดเงื่อนไขสัญญาเงินกู้ที่มีกับธนาคารซึ่งกำหนดให้บริษัทต้องรักษาผู้บริหารหลักไว้
ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2567 บริษัทมีภาระหนี้ที่จะครบกำหนดชำระใน 12 เดือนข้างหน้าประกอบด้วยหุ้นกู้รวมจำนวน 5.5 พันล้านบาทซึ่งจะครบกำหนดไถ่ถอนในเดือนสิงหาคมและกันยายน 2567 นี้ เงินกู้ยืมระยะยาวจำนวน 5.7 พันล้านบาท และเงินกู้ยืมระยะสั้นจำนวน 8.4 พันล้านบาท ในขณะที่แหล่งเงินทุนประกอบด้วย เงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสดจำนวน 2.2 พันล้านบาท ประมาณการเงินทุนจากการดำเนินงานในช่วง 12 เดือนข้างหน้าจำนวน 7.6 พันล้านบาท และวงเงินกู้ยืมที่ยังไม่ได้เบิกใช้จำนวน 4.3 พันล้านบาท ทั้งนี้ การออกหุ้นกู้ชุดใหม่ยังมีความไม่แน่นอนจากความเชื่อมั่นของนักลงทุน ดังนั้น บริษัทจึงต้องพึ่งพาการกู้ยืมจากธนาคารเป็นแผนสำรองหลัก ซึ่งค่อนข้างท้าทายเป็นอย่างมากเมื่อพิจารณาถึงประเด็นปัญหาด้านธรรมาภิบาลที่เกิดขึ้น
ทริสเรทติ้งคาดว่าจะทบทวนแนวโน้มเครดิตพินิจของบริษัทอีกครั้ง เมื่อบริษัทมีแผนการชำระคืนหนี้เงินกู้ซึ่งใกล้จะครบกำหนดที่ชัดเจนขึ้น รวมถึงได้พิจารณาถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นต่อสถานะทางธุรกิจและการเงินอย่างครบถ้วน ทั้งนี้ ทริสเรทติ้งอาจปรับลดอันดับเครดิตลงได้อีกหากมีปัจจัยเชิงลบต่าง ๆ เกิดขึ้น เช่น การที่บริษัทไม่สามารถหาแหล่งเงินทุนสำหรับการชำระหนี้ที่เพียงพอ หรือกรณีที่บริษัทไม่สามารถขอยกเว้นการปฏิบัติตามเงื่อนไขในสัญญาเงินกู้จากเจ้าหนี้ได้(ในกรณีที่จำเป็น)
รู้ทันเกม รู้ก่อนใคร ติดตาม "ทันหุ้น" ที่นี่
FACEBOOK คลิก https://www.facebook.com/Thunhoonofficial/
YOUTUBE คลิก https://www.youtube.com/channel/UCYizTVGMealUUalT6VdUdNA
Tiktok คลิก https://www.tiktok.com/@thunhoon_
LINE@ คลิก https://lin.ee/uFms4n5
TELEGRAM คลิก https://t.me/thunhoon_news
Twitter คลิก https://twitter.com/thunhoon1
เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา อ่านเพิ่มเติม