> SET > PTL

23 พฤศจิกายน 2023 เวลา 09:08 น.

PTLดีมานด์ตลาดตปท.ฟื้น ลงทุนสหรัฐเสร็จกลางปี67

#PTL #ทันหุ้น-PTL มองอุปสงค์ในยุโรป และอินโดนีเซียมีแนวโน้มฟื้นตัวดีขึ้น และเชื่อว่าสต็อกส่วนเกินถึงจุดต่ำสุดแล้ว ดีมานด์ส่งสัญญาณขยายตัวในทิศทางสดใส ขณะที่ลงทุนสายการผลิตแผ่นฟิล์ม BOPET ชนิดบาง และ Offline Coater ในประเทศสหรัฐอเมริกา คาดแล้วเสร็จพร้อมเดินเครื่องไตรมาส 2 ปี67/68 


นายอมิต ปรากาซ กรรมการผู้จัดการ บริษัท โพลีเพล็กซ์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ PTL เปิดเผยว่า ภาพรวมธุรกิจในปัจจุบันมองว่าสถานการณ์ต่างๆ ในอุตสาหกรรมเริ่มมีสัญญาการคลายตัวไปในทิศทางที่ดีขึ้น โดยแนวโน้มอุปสงค์โดยเฉพาะในยุโรปและอินโดนีเซียเริ่มกลับมามีการฟื้นตัว ในขณะที่สต็อกส่วนเกินมองว่าในตอนนี้ได้สิ้นสุดลงแล้ว จากนี้จะเห็นการกลับมาขยายตัวของดีมานด์ในทางที่ดีขึ้น


*จับตาความเสี่ยง

ทั้งนี้ ยังคงต้องจับตาดูสถานการณ์ความต้องการใช้ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มสเปเชียลตี้ ฟิล์ม ในตลาดสหรัฐฯ ต่อไป ว่าจะปรับตัวได้เพิ่มขึ้นมากน้อยแค่ไหน สำหรับอัตราเงินเฟ้อที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นมองว่าก็เป็นอีกปัจจัยที่มีผลกระทบต่อมาร์จิ้นของอุตสาหกรรม ในส่วนของต้นทุนวัตถุดิบในช่วง 1-2 เดือนข้างหน้านั้น ปัจจุบันยังคงอยู่ในสภาวะที่มีความผันผวน เนื่องจากการเกิดความขัดแย้งระหว่างประเทศ ทำให้คาดการณ์ความเคลื่อนไหวได้ยาก ดังนั้นจึงยังคงต้องให้การจับตาอย่างใกล้ชิดต่อไป


เช่นเดียวกับอัตราแลกเปลี่ยน แต่อย่างไรก็ดี บริษัทได้มีการวางแผนป้องกันความเสี่ยงค่าเงิน (Hedging) ไว้เรียบร้อยแล้ว ขณะที่แนวโน้มอัตราการใช้กำลังการผลิตโดยเฉลี่ยรวมของบริษัทนั้น มองว่าในระยะสั้นและกลางจะปรับตัวเพิ่มขึ้น และมองว่าในอนาคตจะไม่มีการลดกำลังการผลิตลง ส่วนปัญหาที่เกิดขึ้นกับโรงงานที่ตุรกี ปัจจุบันได้มีการแก้ไขไปเรียบร้อยแล้ว ทำให้คาดว่าจะเริ่มกลับมาเห็นการดำเนินงานที่ดีขึ้นในช่วงที่เหลือของปี 2566 นี้


ด้านโครงการลงทุนสายการผลิตแผ่นฟิล์ม BOPET ชนิดบาง และ Offline Coater ในประเทศสหรัฐอเมริกา เงินลงทุนของทั้ง 2 โครงการอยู่ที่ประมาณ 128 ล้านเหรียญฯ โดยใช้เงินกู้ระยะยาวจำนวน 25 ล้านเหรียญฯ กับสถาบันการเงินในสหรัฐอเมริกา และยอดคงเหลือจากเงินคงค้างภายในบริษัทย่อยที่สหรัฐอเมริกา รวมถึงเงินกู้ยืมระหว่างบริษัทจากบริษัทย่อยในตุรกี โครงการนี้คาดว่าจะเริ่มดำเนินการได้ในไตรมาส 2 ปี 2567/68 (ก.ค.-ก.ย. ปี67/68) เป็นต้นไป ปัจจุบันได้มีการลงทุนไปแล้ว 50% คงเหลือจ่ายอีก 50% ในปีหน้า


*งบรับแรงกดดัน

สำหรับผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/2566 (ก.ค.-ก.ย.66) บริษัทมีรายได้รวมอยู่ที่ระดับ 5,153.06 ล้านบาท ลดลง 33.21% เมื่อเทียบช่วงเวลาเดียวกันกับปีก่อนปีก่อนที่ระดับ 7,715.37 ล้านบาท และมีกำไรสำหรับงวดอยู่ที่ระดับ 160.05 ล้านบาท ลดลง 82.88% เมื่อเทียบช่วงเวลาเดียวกันกับปีก่อนที่ระดับ 934.84 ล้านบาท มี EBITDA สำหรับงวด (รวมรายได้ทางการเงิน) อยู่ที่ระดับ 501.19 ล้านบาท ลดลง 64.39% เมื่อเทียบช่วงเวลาเดียวกันกับปีก่อนที่ 1,407.52 ล้านบาท


ปัจจัยสำคัญบางประการที่ส่งผลกระทบต่อผลการดำเนินงานในไตรมาสนี้ คือ ความต้องการที่เพิ่มขึ้นโดยเฉพาะในเอเชียนำไปสู่การปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงานจากไตรมาสก่อนหน้าทันที, อัตรากำไรขั้นต้นยังคงอยู่ภายใต้แรงกดดัน จากกำลังการผลิตส่วนเกินที่เกิดจากกำลังการผลิตใหม่ที่เพิ่มขึ้นในประเทศจีนและอินเดีย และปัจจัยแวดล้อมอื่นๆ ทั้งมหาภาค และจุลภาค เช่น การเพิ่มขึ้นของอัตราดอกเบี้ย แรงกดดันจากเงินเฟ้อ รายได้หลังหักภาษีลดลง การลดระดับสินค้าคงคลังอย่างต่อเนื่อง


การชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกที่ยังคงส่งผลกระทบต่อความต้องการโดยรวมสำหรับฟิล์มเคลือบปลายน้ำ เช่น ฟิล์มเคลือบซิลิโคน ส่งผลกระทบต่อปริมาณและส่วนแบ่งจากธุรกิจเหล่านี้ในประเทศไทย เป็นต้น



จาก
ถึง
Select...
หุ้น
Select...
หัวข้อ
Select...

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

อ่านต่อ

เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา  อ่านเพิ่มเติม

X