#PTL #ทันหุ้น – PTL รับทรัพย์ดีมานด์แผ่นฟิล์มบางและธุรกิจปลายน้ำขยายตัวดี ปูพรมบุ๊กกำไรโรงงานแผ่นฟิล์ม BOPP ในอินโดนีเซียถึงจุดคุ้มทุน คาด 3 ปีจากนี้อัตรากำลังผลิตเติบโตปีละไม่ต่ำกว่า 7.7% พร้อมวางงบ 86 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เดินหน้าลงทุนใหม่ต่อเนื่อง สร้างความแข็งแกร่ง

นายอมิต  ปรากาซ กรรมการผู้จัดการ บริษัท โพลีเพล็กซ์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ PTL เปิดเผยว่า ประเมินภาพรวมธุรกิจในช่วงไตรมาส 1/2566 (เม.ย.-มิ.ย.65) คาดเติบโตแข็งแกร่ง จากปริมาณการขายโดยรวมที่สูงขึ้นและอัตรากำไรในธุรกิจหลักของบริษัทแผ่นฟิล์มบาง และธุรกิจปลายน้ำอื่นๆ ที่เพิ่มมากขึ้น ทั้งเมื่อเทียบช่วงเดียวกันปีก่อน และจากไตรมาสก่อน ซึ่งเป็นไปตามดีมานด์ที่มีการขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

นอกจากนี้ จากการลงทุนโรงงานผลิตผลิตภัณฑ์แผ่นฟิล์ม BOPP ขนาด 60,000 ตันต่อปี ในประเทศอินโดนีเซีย ได้เริ่มเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ (COD) เต็มประสิทธิภาพในช่วงเดือนธันวาคม 2564ที่ผ่านมานั้น ปัจจุบันมีอัตราการใช้กำลังการผลิตอยู่ที่ระดับเฉลี่ย 100% เต็ม ซึ่งบริษัทได้บรรลุจุดคุ้มทุนไปแล้วตั้งแต่ไตรมาส 4/2565 (ม.ค.-มี.ค.65) ส่งผลให้คาดว่าในปี 2566 (เม.ย.65-มี.ค.66) นี้ EBITDA MARGINS (กำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจําหน่ายตามปกติ) เชื่อว่าจะมีทิศทางดีอย่างต่อเนื่อง

*หาโอกาสลงทุนต่อเนื่อง

ทั้งนี้ บริษัทคาดว่า 3 ปีนี้ (2565-2567) อัตรากำลังการผลิตโดยเฉลี่ยจะมีการเติบโตที่เพิ่มขึ้นไม่น้อยกว่า 7.7% ต่อปี หรือในปี 2565 อยู่ที่ 6,691 ตันต่อปี,  7,255 ตันต่อปี และ 7,274 ตันต่อปี ซึ่งอยู่ระดับค่าเฉลี่ยการเติบโตของกำลังผลิตในอดีต 3 ปีย้อนหลัง เนื่องจากความต้องการใช้ผลิตภัณฑ์ BOPET และผลิตภัณฑ์เกี่ยวเนื่องใน HVA ที่ให้มาร์จิ้นสูง เช่น BOPP, CPP, Blown PP/PE ที่เพิ่มขึ้น แม้ว่าดีมานด์ในอุตสาหกรรมอาจยังชะลอตัวอยู่ แต่ยอดขายของบริษัทยังคงเติบโตสวนทางอย่างแข็งแกร่ง

โดยปัจจุบันบริษัทมีโรงงานผลิต 7 แห่ง ใน 5 ประเทศ ได้แก่ ประเทศสหรัฐอเมริกา, ยุโรป, ตุรกี, ไทย และอินโดนีเซีย และบริษัทได้รับใบอนุญาตการขายและมีการจัดตั้งสำนักงานขายในอีกมากกว่า 5 ประเทศ อาทิ เวียดนาม เนเธอร์แลนด์, สิงคโปร์, เกาหลี และญี่ปุ่น เป็นต้น

โดยสัดส่วนการขายมาจากตลาดอเมริกาตอนเหนือประมาณ 36% ของยอดขายรวม, ยุโรป 23%, เอเชีย 36% และส่วนที่เหลืออีกราว 5% มาจากประเทศอื่นๆ ทั้งนี้บริษัทยังคงมีความสนใจและมองหาโอกาสในการขยายลงทุนในประเทศใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง คาดได้ข้อสรุปในระยะถัดไป

*จัด 86 ล้านดอลลาร์อัพผลิต

สำหรับแผนการลงทุนในปี 2565/2566บริษัทวางงบลงทุนรวมไว้ที่ประมาณ 86 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ประกอบด้วยโครงการลงทุนสายการผลิตแผ่นฟิล์ม BOPET ชนิดบางในสหรัฐอเมริกา ขนาด 50,000 ตันต่อปี และ PET Resin ขนาด 86,000 ตันต่อปี (เพื่อแก้คอขวดของกำลังการผลิตที่มี) แม้ปัจจุบันมีความล่าช้าแต่คาดว่าโครงการจะเริ่มในไตรมาส 3/2566/67 (ต.ค.-ธ.ค.67) และ Offline Coated Film ขนาด 2,100 ตันต่อปี

รวมถึงโครงการรีไซเคิลที่บริษัท อีโคบลู จํากัด เป็นโครงการพลาสติกรีไซเคิลที่มาจากการใช้แล้วจากผู้บริโภคของบริษัทย่อยในไทย ตอนนี้อยู่ระหว่างการทดลองผลิต โดยคาดว่าจะเริ่มเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ได้ภายในไตรมาส 4 ปี 2564/2565 (ม.ค.-มี.ค.65) ตลอดจนเตรียมงบไว้ 10-15 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อใช้ในการซ่อมแซมและบำรุงเครื่องจักรให้สามารถเดินเครื่องได้อย่างมีประสิทธิภาพ

รู้ทันเกม รู้ก่อนใคร ติดตาม "ทันหุ้น" ที่นี่

FACEBOOK คลิก https://www.facebook.com/Thunhoonofficial/

YOUTUBE คลิก https://www.youtube.com/channel/UCYizTVGMealUUalT6VdUdNA

Tiktok คลิก https://www.tiktok.com/@thunhoon_

APP ทันหุ้น ANDROID คลิก https://qrgo.page.link/US6SA

APP ทันหุ้น IOS คลิก https://qrgo.page.link/QJKT7

LINE@ คลิก https://lin.ee/uFms4n5

TELEGRAM คลิก https://t.me/thunhoon_news

Twitter คลิก https://twitter.com/thunhoon1