> SET > CNT

25 สิงหาคม 2021 เวลา 18:01 น.

CNT ชิงเค้ก 7.5พันล้านบ. ลุ้นแบ็กล็อกแตะหมื่นล.

ทันหุ้น - CNT กางแผนครึ่งปีหลังเร่งประมูลงานใหม่ มูลค่ารวมกว่า 7.5 พันล้านบาท แย้มอยู่ระหว่างเจรจาขั้นตอนสุดท้าย 2 โปรเจ็กต์ เร็วๆ นี้ได้ข้อสรุป อวดแบ็กล็อก 8.81 พันล้านบาท รับรู้ช่วงครึ่งปีหลังกว่า 2.9-3 พันล้านบาท รับไตรมาส 3/64 รับผลกระทบโควิด-19 ระบาด ย้ำรายได้ปีนี้ยังเข้าเป้า 6.7 พันล้านบาท


นายสุรศักดิ์ โอสถานุเคราะห์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท คริสเตียนีและนีลเส็น (ไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ CNT เปิดเผยว่า ประเมินภาพรวมธุรกิจในช่วงครึ่งหลังปี 2564 คาดว่าจะทรงตัวต่อเนื่องเมื่อเทียบกับช่วง 6เดือนแรกของปี 2564 ที่มีรายได้รวมอยู่ที่ 3,514 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 23 ล้านบาท แต่จะปรับตัวลดลงกว่าเมื่อเทียบช่วงเวลาเดียวกันกับปีก่อน สาเหตุจากผลกระทบการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ระลอก 3ที่ค่อนข้างรุนแรงและยังคงมีความไม่แน่นอนสูงในปัจจุบันกระทบต่อภาพรวมเศรษฐกิจและการลงทุนในประเทศ


แบ็กล็อกยืนหมื่นล.

ส่งผลทำให้ในปีนี้งานโครงการลงทุนโดยเฉพาะภาคเอกชนหายไปค่อนข้างมากกว่าเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ทั้งการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ อาคารสูง และคลังสินค้า เป็นต้น แม้ว่าโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐ (Infrastructure) ยังคงเดินหน้าต่อ แต่ก็มีการแข่งขันราคาที่ค่อนข้างรุนแรงเพิ่มมากขึ้น ทำให้โอกาสในการรับงานใหม่ลดลง ทั้งนี้ บริษัทได้ปรับแผนรุกเจรจากับทางพันธมิตรรายใหญ่ที่มีศักยภาพที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจหลัก เพื่อจะเข้ามาร่วมมือกัน (JV) แลกเปลี่ยนประสบการณ์ และเพื่อเพิ่มความสามารถในการเข้าประมูลงานใหม่ๆ โดยเฉพาะงานภาครัฐที่มีขนาดใหญ่ จำนวน 2 ราย คาดเร็วๆ นี้ได้ข้อสรุป


ปัจจุบันบริษัทยังมีความสนใจและเข้าร่วมประมูลงานโครงการใหม่ทั้งจากส่วนหน่วยงานภาครัฐและเอกชน มูลค่ารวมมากกว่า 7,500 ล้านบาท ประกอบไปด้วยงานโครงการโครงสร้างพื้้นฐานภาครัฐ มูลค่าประมาณ 500 ล้านบาท, งานก่อสร้างอาคารภาครัฐ มูลค่าราว 2,000 ล้านบาท, งานก่อสร้างคลังสินค้า ไฮเปอร์มาร์เก็ต ของภาคเอกชน มูลค่า 2,000 ล้านบาท, งานก่อสร้างอาคารสำนักงาน โรงพยาบาล โรงแรมภาคเอกชน มูลค่า 1,500 ล้านบาท และงานก่อสร้างศูนย์การค้า โครงการมิกซ์ยูส และคอมเพล็กส์ มูลค่า 1,500 ล้านบาท เป็นต้น ซึ่งคาดว่าในช่วงที่เหลือของปีนี้จะทยอยได้ข้อสรุป


พร้อมกันนี้ บริษัทยังมีงานที่อยู่ระหว่างการรอเซ็นสัญญาอีก จำนวน 2 ราย ซึ่งเป็นงานโครงการขนาดกลางและขนาดใหญ่ ปัจจุบันอยู่ในขั้นตอนของการเจรจาขั้นสุดท้าย เบื้องต้นคาดว่าในช่วงที่เหลือของปีนี้จะได้ข้อสรุปที่ชัดเจน จากปัจจัยดังกล่าวทำให้บริษัทมองว่าจะเข้ามาช่วยสนับสนุนให้ปริมาณงานในมือ (Backlog) ณ สิ้นปี 2564 แตะ 10,000 ล้านบาทได้ จาก ณ สิ้นเดือนมิถุนายน ที่มี Backlog อยู่ที่ประมาณ 8,817 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะสามารถทยอยรับรู้เข้ามาเป็นรายได้ในช่วงครึ่งหลังปีนี้ประมาณ 2,900-3,000 ล้านบาท จากเป้าหมายที่คาดหวังไว้มากกว่า 3,200 ล้านบาท


“ในช่วงครึ่งแรกปีนี้เราได้งานใหม่ส่วนของงานก่อสร้างทั่วไปเข้ามาเติมพอร์ตแล้ว 8 โครงการ มูลค่ารวม 1,294 ล้านบาท และงาน EPC อีก 8 โครงการ มูลค่าราว 319 ล้านบาท ซึ่งในช่วงครึ่งหลังปีนี้เรายังคงมีความสนใจเข้าร่วมประมูลงานใหม่อย่างต่อเนื่องอกี 7,500 ล้านบาท เพื่อเข้ามาเติม Backlog และรายได้ให้มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ ปีนี้ต้องยอมรับว่าโควิด-19 ส่งผลกระทบอย่างมากต่ออุตสาหกรรมก่อสร้าง ทำให้งานใหม่จากภาคเอกชนมีออกมาน้อยลง ดังนั้นเราจึงยังคงประมาณการรายได้ปีนี้ไว้ที่ 6,700 ล้านบาทเท่าเดิม จากปีก่นอที่เคทำได้ 7,525 ล้านบาท”นายสุรศักดิ์ กล่าว


ปีหน้ารายได้7พันล.

ขณะที่ธุรกิจพลังงานและติดตั้งแผงพลังงานแสงอาทิตย์ (EPC) ทั้งรูปแบบติดตั้งบนหลังคาโรงงาน (Solar Rooftop) โซลาร์ลอยน้ำ และโซลาร์ติดตั้งภาคพื้นดินนั้น มองว่าในปีนี้ยังคงมีการเติบโตที่ดีอย่างต่อเนื่อง และดีกว่าภาคงานก่อสร้างทั่วไป ที่ผ่านมาบริษัทยังคงเดินหน้าในการขยายตลาดและฐานลูกค้าใหม่ๆ เพิ่มมากขึ้น ทำให้ปัจจุบันอยู่ระหว่างการเจรจากับลูกค้าประมาณ 6 โครงการ มูลค่ารวม 300-400 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าในช่วงที่เหลือของปี 2564 นี้จะทยอยได้ข้อสรุปทั้งหมด


โดยคาดว่าจากการรับรู้แบ็กล็อกเข้ามาอย่างต่อเนื่องในช่วงครึ่งหลังปีนี้ จะผลักดันให้รายได้รวมในปี 2564 เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ 6,700 ล้านบาท อย่างไรก็ดี ต้องยอมรับว่าวิกฤตโรคระบาดที่มีความรุนแรงตั้งแต่ปลายเดือนมิถุยายนที่ผ่านมา และต่อเนื่องมาในเดือนกรกฎาคมและสิงหาคม ตลอดจนมาตรการควมคุมการระบาดคำสั่งปิดแคมป์-ไซต์งานก่อสร้าง มีผลกระทบโดยตรงต่ออุตสาหกรรมก่อสร้าง เพราะต้องเลื่อนกำหนดการส่งมอบงานออกไปอีก ทำให้คาดว่าผลการดำเนินงานในช่วงไตรมาส 3/2564 อาจย่อตัวลง


ส่วนในปี 2565 รายได้รวมบริษัทจะกลับมามีการเติบโตแตะที่ระดับ 7,000 ล้านบาท ได้หรือไม่นั้น มองว่าอาจต้องรอดูสถานการณ์แพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในช่วงไตรมาส 4/2564 ก่อนว่าจะคลี่คลายหรือยื้ดเยื้อต่อไป หากว่าคลี่คลายเป็นไปในทิศทางที่ดี เศรษฐกิจส่งสัญญาณการกลับมาฟื้นตัวดีขึ้น ภาคเอกโดยเฉพาะต่างชาติกลับมามีการลงทุนโครงการต่างๆ ที่ถูกพับไว้ก่อนหน้า รวมถึงโครงการใหม่ มากขึ้น ก็มองว่ามีโอกาสที่จะทำได้ อย่างไรก็ดี บริษัทยังคงให้ความสำคัญในการบริหารจัดการและควบคุมต้นทุนค่าใช้จ่ายต่างๆ ให้อยู่ในระดับต่ำ เพื่อรักษา Bottom line ให้อยู่ในระดับที่ดี มีผลกำไรให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้

จาก
ถึง
Select...
หุ้น
Select...
หัวข้อ
Select...

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

อ่านต่อ

เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา  อ่านเพิ่มเติม

X