18 กรกฎาคม 2025 เวลา 07:30 น.
นายตราวุทธิ์ เหลืองสมบูรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน จิตตะ เวลธ์ จำกัด หรือ บลจ.จิตตะเวลธ์ มีมองต่อการลงทุนในครึ่งปีหลังว่า ตลาดหุ้นสหรัฐยังคงน่าสนใจ แม้จะขึ้นมาสูง และยังมีปัจจัยกดดัน จากความเสี่ยงด้านนโยบายกำแพงภาษีของประธานาธิบดีทรัมป์ นำไปสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอย เงินเฟ้อขึ้นจนต้องชะลอการปรับลดดอกเบี้ย แต่ที่ยังมองบวกเพราะมีฟันด์โฟลว์ในตลาดตราสารหนี้สหรัฐที่อยู่ระดับสูงรอไหลเข้าตลาดหุ้น หากเฟดมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ย รวมถึงความเป็นเบอร์ 1 ของเทคโนโลยี AI ที่ยังคงได้เปรียบจีน
“แม้ตลาดหุ้นสหรัฐจะมีแรงกดดันในการปรับตัวลง แต่ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนก็ยังออกมาดี ขณะที่อัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับสูง ทำผลตอบแทนได้ราว 4%เป็นตัวล่อเงินฟันด์โฟลให้ไหลเข้าตลาดตราสารหนี้ภายใต้ความเสี่ยงที่ต่ำกว่าการลงทุนในหุ้น เราคาดว่าหากเฟดลดดอกเบี้ยลง จะเริ่มเห็นฟันด์โฟลว์กลับเข้าตลาดหุ้นสหรัฐ แม้จะแพงแล้วก็ตาม”
นายตราวุทธิ์ กล่าวว่า จะเห็นได้ว่าประธานาธิบดีทรัมป์กดดันเฟดให้ลดดอกเบี้ย ส่วนหนึ่งก็เพื่อลดภาระหนี้ของภาครัฐลง ขณะเดียวกันก็อยากให้เม็ดเงินกลับเข้าตลาดหุ้น อย่างไรก็ตาม หุ้นสหรัฐ ณ ปัจจุบันถือว่าค่อนข้างแพงหากเจอปัจจัยลบกระทบก็พร้อมปรับตัวลงได้ แต่เชื่อว่าจะดีดกลับมาได้เมื่อนักลงทุนหายตกใจ สะท้อนจากช่วงที่มีเรื่องภาษีนำเข้าสหรัฐ (Trump Tariffs) หรือที่สหรัฐมีการประกาศวันปลดแอกสหรัฐ (Liberation Day) ตลาดหุ้นปรับตัวลง แต่ปัจจุบันก็ผ่านจุดนั้นกลับมายืนแข็งแกร่งต่อได้
“หากย้อนประวัติศาสตร์เงินเฟ้อในสหรัฐอเมริกา หลังเหตุการณ์สำคัญ เงินเฟ้อจะพุ่งแรงอย่างเห็นได้ชัด เช่นในปี 2489 ที่สงครามโลกครั้งที่ 2 สิ้นสุดลง อัตราเงินเฟ้อพุ่งขึ้นไปถึง 18.1%
แต่ในทางกลับกัน ไม่ว่าจะผ่านมากี่วิกฤติตลาดหุ้นก็สามารถปรับตัวกลับขึ้นมาได้ โดยดัชนี S&P500 สร้างผลตอบแทนได้ถึง 326.65% (31 ธันวาคม 2542 - 14 กรกฎาคม 2568) สะท้อนได้ว่าในทุกวิกฤติมีโอกาสเสมอ ”
ขณะเดียวกัน บริษัทเทคโนโลยีสหรัฐก็ยังคงเติบโตอย่างแข็งแกร่ง โดยเฉพาะด้าน AI หรือปัญญาประดิษฐ์ที่สหรัฐมุ่งจะเป็นเบอร์ 1 ของโลก แม้จีนจะเดินหน้าพัฒนาเทคโนโลยีแต่ก็ยังมีจุดได้เปรียบสหรัฐเพียงแต่เรื่องของพลังงานสะอาด สะท้อนจากการพัฒนาเทคโนโลยีด้าน EV
“การแข่งขันระหว่างจีนและสหรัฐคงยังบอกไม่ได้ว่าใครจะเป็นเบอร์ 1 ด้าน AI แต่สหรัฐนั้นมีความได้เปรียบในเรื่องของภาษา ซึ่งภาษาอังกฤษนั้นยังเป็นระบบคำสั่งที่ทั่วโลกนั้นใช้กัน อย่างไรก็ตาม ในเจนเนอร์ชั่นใหม่ๆ ที่เริ่มมีการเรียนภาษาจีน ก็อาจจะทำให้ระบบปฏิบัติการต่างๆ ที่เป็นภาษาจีนเริ่มนิยมขึ้นได้ แต่ก็ต้องใช้เวลาหลายสิบปี รวมถึงจีนอาจต้องเป็นผู้บริโภครายใหญ่แทนสหรัฐด้วย”
ส่วน นโยบายภาษี นำเข้าสหรัฐ นายตราวุทธิ์ มองว่า หลังการเจรจาผ่านไป และมีผลบังคับใช้ หลายประเทศอาจเริ่มไม่ไว้ใจกับสหรัฐ จนอาจเกิดกลุ่มการค้าใหม่ ๆ ขึ้นมาได้ ซึ่งเมื่อถึงจุดนี้ อำนาจของดอลลาร์ก็อาจจะถูกลดบทบาทลง สะท้อนจากหลายประเทศเริ่มมีการซื้อทองคำมากขึ้น และบางประเทศก็มีการซื้อคริปโทเคอเรนซี่ด้วย ดังนั้นในส่วนของสินทรัพย์ทางเลือกก็ควรมีทองคำไว้ได้
ทั้งนี้ในครึ่งปีหลัง บลจ.จิตตะเวลธ์ แนะกระจายความเสี่ยง (Diversification) ด้วยการจัดพอร์ตแบบ Core & Satellite โดยสัดส่วนปลอดภัยที่ Jitta Wealth แนะนำจะอยู่ที่ 80:20 โดย Core Port แนะนำ Global ETF แผนการลงทุนที่มีการกระจายความเสี่ยงในหุ้นและตราสารหนี้คุณภาพดีทั่วโลก และจัด Satellite Port ด้วย Jitta Ranking Alpha นโยบายการลงทุนที่มี Alpha AI อัลกอริทึมวิเคราะห์ประเทศของ Jitta Wealth คัดเลือกซึ่งจะมีธีมลงทุนต่างๆ เช่น รายประเทศ รายกลุ่มหุ้นที่น่าสนใจ อย่างเฮลธ์แคร์ เทคโนโลยี หุ้นจีน เวียดนาม เป็นต้น
เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา อ่านเพิ่มเติม