04 กรกฎาคม 2025 เวลา 13:15 น.
ดร.สมพร สืบถวิลกุล นายกสมาคมประกันวินาศภัยไทย กล่าวว่า อุตสาหกรรมประกันวินาศภัยยังคงเป้าการเติบโตปีนี้ที่ระดับ 1.5-2.5%ซึ่งเป็นการเติบโตภายใต้ความท้าทายรอบด้าน ทั้งภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ ภาษีการค้ากับสหรัฐ รวมถึงปัจจัยการเมืองภายในประเทศที่ยังคงความไม่แน่นอน
* ไตรมาสแรกโต 3.81%
อย่างไรก็ตามในไตรมาสแรกภาคอุตสาหกรรมประกันวินาศภัยมีการเติบโตที่ดี ระดับ 3.81% ซึ่งเติบโตไปในทิศทางเดียวกับ GDP ของประเทศที่ขยายตัว 3.1% แต่ในไตรมาส 2/2568 ทางสมาคมประกันวินาศภัยไทย เห็นสัญญาณการเติบโตของอุตสาหกรรมที่ชะลอตัวลง ดังนั้นในภาพรวมแล้ว ตัวเลขการเติบโตที่ระดับ 1.5-2.5% โดยมีมูลค่าเบี้ยประกันภัยรับโดยตรงรวมอยู่ในช่วงประมาณ291,000 – 294,000 ล้านบาท ได้รวมปัจจัยท้าทายไว้แล้วจึงไม่มีการปรับเป้าหมายการเติบโต
ดร.สมพร กล่าวว่า ไตรมาสแรกที่เติบโตดีปัจจัยหนุนทั้งจากประกันภัยรถยนต์ ประกันอัคคีภัย และประกันเบ็ดเตล็ด ซึ่งมีการเติบโตทุกหมวดยกเว้น ประกันภัยทางทะเลและขนส่ง (Marine Insurance) ที่ตัวเลขติดลบ
“ในครึ่งปีหลัง เชื่อว่าประกันรถยนต์คงได้รับแรงกดดันจากปัญหาที่เกิดขึ้นกับรถยนต์ไฟฟ้า ทั้งในเรื่องของการซ่อม อะไหล่ การแข่งขันทางด้านราคา หรือการที่บริษัทแม่บางแบรนด์ที่มีปัญหาการเงิน ปัจจัยเหล่านี้กระทบต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภค อย่างไรก็ตามเราเห็นสัญญาณและโอกาสเติบโตในประกันอัคคีภัย เพราะเป็นแผนที่ให้ความคุ้มครองภัยจากแผ่นดินไหวด้วย”
*แผ่นดินไหวหนุนดีมานด์ประกันโต
ดร.สมพร กล่าวอีกว่า จากภัยแผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นเมื่อปลายเดือนมีนาคม 2568 ทำให้ผู้บริโภคตระหนักถึงความเสี่ยงมากขึ้น ดีมานด์ความต้องการของประกันอัคคีภัยมีแนวโน้มขยายตัวดีทั้งในส่วนของบ้านแนวราบ และที่อยู่อาศัยที่เป็นคอนโด ปัจจัยดังกล่าวถือเป็นผลบวกต่อการเติบโตของอุตสาหกรรมประกันภัยในครึ่งปีหลัง
สำหรับ ตัวเลขอุตสาหกรรมไตรมาส 1/2568 มูลค่าเบี้ยประกันภัยรับโดยตรงรวมทั้งสิ้นอยู่ที่ 75,269 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการเติบโต 3.81% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยมีเบี้ยประกันภัยรับโดยตรงในแต่ละประเภท ดังนี้ ประกันภัยรถยนต์ มีเบี้ยประกันภัยรับโดยตรง จำนวน 42,004 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.36%
ประกันอัคคีภัย มีเบี้ยประกันภัยรับโดยตรง จำนวน 2,509 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.83% ประกันภัยทางทะเลและขนส่ง มีเบี้ยประกันภัยรับจำนวน 1,668 ล้านบาท ลดลง 4.91%ประกันภัยเบ็ดเตล็ด มีเบี้ยประกันภัยรับจำนวน 29,088 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.01% ส่วนประกันภัยทางทะเลและขนส่งจะมีการหดตัวเล็กน้อย สะท้อนถึงภาวะชะลอตัวในบางภาคส่วนของการค้าระหว่างประเทศ แต่ภาพรวมของธุรกิจยังคงเติบโตในทิศทางบวก และชี้ให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของตลาดโดยรวม
ทั้งนี้ เบี้ยประกันภัยรับโดยตรงในช่วงไตรมาสแรกของปี 2568 (ม.ค.–มี.ค.) ซึ่งมีมูลค่ารวมทั้งสิ้น75,269 ล้านบาท แยกเป็นประกันภัยรถยนต์ (Motor Insurance) คิดเป็นสัดส่วน 55.8% ของเบี้ยประกันภัยรวม หรือ 42,004 ล้านบาท ประกันภัยที่ไม่ใช่รถยนต์ (Non-Motor Insurance) คิดเป็นสัดส่วน 44.2% หรือ33,265 ล้านบาท
“การเติบโตดังกล่าวสะท้อนถึงความท้าทายในการฟื้นตัวของเศรษฐกิจภายในประเทศ รวมถึงการปรับตัวของภาคธุรกิจประกันภัยต่อสภาวะแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ทั้งในด้านความเสี่ยงใหม่ เทคโนโลยี และพฤติกรรมผู้บริโภค ซึ่งธุรกิจประกันวินาศภัยมีความสามารถในการปรับตัวการดำเนินงานอย่างมีประสิทธิภาพ และมุ่งสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน รวมถึงการติดตามข้อมูลเชิงลึกอย่างต่อเนื่องควบคู่กับการวางกลยุทธ์ที่สอดคล้องกับบริบทใหม่ จะเป็นกุญแจสำคัญในการขับเคลื่อนธุรกิจประกันวินาศภัยให้เติบโตอย่างมั่นคงในปี 2568 และในอนาคตต่อไป
เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา อ่านเพิ่มเติม