> SET >

02 กรกฎาคม 2025 เวลา 12:34 น.

ส่องหุ้นได้-เสียประโยชน์? ต่ออายุโครงการ “คุณสู้ เราช่วย”

#ทันหุ้น - บล.หยวนต้า ส่องหุ้นได้-เสียประโยชน์ ต่อโครงการ “คุณสู้ เราช่วย” โดย วานนี้ ครม. และ ธปท. มีมติเห็นชอบขยายเวลาโครงการ “คุณสู้ เราช่วย” จากเดิมสิ้นสุด 30 มิ.ย. 2568 เป็น 30 ก.ย. 2568 พร้อมขยายคุณสมบัติลูกหนี้ที่จะเข้าโครงการให้ครอบคลุมมากขึ้น ดังนี้ มาตรการ "จ่ายตรง คงทรัพย์" (ลดค่างวดและยกเว้นดอกเบี้ย 3 ปี): ขยายให้ลูกหนี้ค้างชำระเกิน 365 วันได้ (เดิมต้องไม่เกิน 365 วัน) 


ส่วนสินเชื่อที่เข้าโครงการยังเหมือนเดิม คือ สินเชื่อบ้าน/บ้านแลกเงิน/รถ/รถแลกเงิน/เช่าซื้อ/สินเชื่อธุรกิจ SME มาตรการ "จ่าย ปิด จบ" (ลูกหนี้จ่ายเงิน 10% แล้วปิดบัญชีหนี้ได้เลย): ขยายเงื่อนไขภาระหนี้จากเดิมที่ไม่เกิน 5,000 บาท เป็นไม่เกิน 10,000 บาท สำหรับหนี้ไม่มีหลักประกัน และไม่เกิน 30,000 บาท 


สำหรับหนี้มีหลักประกัน มาตรการใหม่ “จ่าย ตัด ต้น” (แปลงหนี้เป็น Term Loan พร้อมยกเว้นดอกเบี้ย 3 ปี) สำหรับลูกหนี้ที่เป็น NPL สินเชื่อไม่มีหลักประกันที่มียอดหนี้ค้างไม่เกิน 50,000 บาท เข้ามาปรับโครงสร้างหนี้ให้มีเงื่อนไขผ่อนชำระขั้นต่ำที่ 2% เป็นระยะเวลา 3 ปี หากชำระคืนได้จะได้รับการยกเว้นดอกเบี้ยในช่วง 3 ปีนั้น และเงินที่ผ่อนชำระเข้ามาจะตัดเงินต้นทั้งหมด


**มองว่าธนาคารไม่มีภาระเพิ่มเติม แต่ระยะยาวจะได้ประโยชน์จากสำรองที่ปรับตัวลง ภาพรวมของรายละเอียดมาตรการไม่ได้ต่างไปจากที่ตลาดคาดมากนัก มีเพียงมาตรการใหม่อย่าง “จ่าย ตัด ต้น” ที่เพิ่มเข้ามาเพื่อให้ครอบคลุมลูกหนี้ที่เป็นหนี้เสียแต่ยังไม่เข้าเงื่อนไขของ 2 มาตรการเดิม ซึ่งฝ่ายวิจัยมองว่าการขยายโครงการ “คุณสู้ เราช่วย” จะเป็นบวกเล็กน้อยต่อทั้งกลุ่มธนาคารและกลุ่มไฟแนนซ์ (กลุ่มที่เป็นบริษัทย่อยของธนาคาร) 


ทั้งนี้ เนื่องจากมาตรการดังกล่าวจะสร้างแรงจูงใจให้ลูกหนี้ค้างชำระกลับมาชำระหนี้มากขึ้น แม้บริษัทที่ให้การช่วยเหลือลูกหนี้ในช่วงสั้นจะมี NIM ที่ปรับลดลงจากทั้งการปรับดอกเบี้ยของสัญญาสินเชื่อลง และการลดดอกเบี้ยรับที่มีการรับรู้ทางบัญชี (ในกรณีลูกหนี้ NPL เดิมธนาคารจะรับรู้รายได้ดอกเบี้ยได้ตาม TFRS9 แต่จะเป็นดอกเบี้ยค้างรับและตั้งสำรองทั้ง 100%) 


ส่วนในระยะกลาง-ยาว หากลูกหนี้กลับมาชำระหนี้ได้ต่อเนื่อง บริษัทจะได้รับประโยชน์ใน 2 ช่องทาง คือ รายได้จากหนี้สูญรับคืน รวมถึงการตั้งสำรองที่จะทยอยปรับลดลงตามจำนวนเงินที่ลูกหนี้กลับมาชำระคืน และการปรับชั้นคุณภาพของลูกหนี้ขึ้นเมื่อมีการชำระครบต่อเนื่องครบ 12 เดือน นอกจากนี้ ในช่วงสั้นธนาคารจะมีปัจจัยชดเชยจากส่วนลดค่าใช้จ่ายเงินนำส่งเข้ากองทุน FIDF ราว 50% ของดอกเบี้ยรับที่ลดลงไป


คงคำแนะนำ “เท่ากับตลาด” หุ้นกลุ่มธนาคาร เลือก TTB เป็น Top Pick ของกลุ่ม และมอง KTC, TIDLOR น่าสนใจ สำหรับกลุ่มธนาคาร ฝ่ายวิจัยยังคงน้ำหนักลงทุนที่ “เท่ากับตลาด” คาดว่าการขยายมาตรการ “คุณสู้ เราช่วย” จะจำกัดการไหลตกชั้นของหนี้เสียในช่วง 2H68 และทำให้การตั้งสำรองของกลุ่มไม่เร่งตัวขึ้นจนกดดันประมาณการกำไร โดยยังชอบหุ้นธนาคารกลาง/เล็ก อย่าง TTB ([email protected]) ขณะที่หุ้นกลุ่มไฟแนนซ์ที่ได้ประโยชน์จากมาตรการดังกล่าวจะเป็นบริษัทย่อยของธนาคารอย่าง KTC (TP@36) และ TIDLOR (TP@19) จึงมีความน่าสนใจเพราะมีช่องทางในการจัดการกับลูกหนี้ค้างชำระเพิ่มขึ้น

**ส่วนกลุ่มที่จะได้รับผลกระทบลบเล็กน้อย คือ กลุ่มบริหารจัดการหนี้ โดยเฉพาะกลุ่มที่เน้นธุรกิจบริหารหนี้เสียแบบไม่มีหลักประกันอย่าง CHAYO (UR) และ JMT (Non-Rated) รวมถึง AUCT (TP@6) ที่เป็นลานประมูลรถยนต์ เพราะคาดว่าธนาคารจะชะลอการยึดหลักประกันและการเปิดประมูลขายหนี้เสียกองใหม่ออกไปก่อน เพื่อรอให้ลูกหนี้เข้ามาสมัครเข้าร่วมมาตรการช่วยเหลือ ก่อนที่จะกลับมาเร่งขายหนี้เสียอีกครั้งในช่วงปลายปี


รู้ทันเกม รู้ก่อนใคร ติดตาม "ทันหุ้น" ได้ทุกช่องทางเหล่านี้


Facebook คลิก https://www.facebook.com/thunhoonnews
Youtube คลิก https://www.youtube.com/c/ThunhoonOfficial
Tiktok คลิก https://www.tiktok.com/@thunhoon_/
จาก
ถึง
Select...
หุ้น
Select...
หัวข้อ
Select...

เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา  อ่านเพิ่มเติม

X