> Digital Coin >

02 กรกฎาคม 2025 เวลา 10:45 น.

Grayscale ได้ไฟเขียว! SEC อนุมัติแปลงกองทุนคริปโต Digital Large-Cap Fund เป็น ETF

Grayscale ได้ไฟเขียว! SEC อนุมัติแปลงกองทุนคริปโต Digital Large-Cap Fund เป็น ETF


บริษัทจัดการสินทรัพย์ดิจิทัลรายใหญ่ของสหรัฐฯ อย่าง Grayscale ได้รับการอนุมัติจาก สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ (SEC) ให้แปลงกองทุนคริปโต Digital Large-Cap Fund เป็น กองทุน ETF (Exchange-Traded Fund) อย่างเป็นทางการเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา


กองทุนนี้ประกอบด้วยเหรียญคริปโตที่มีมูลค่าตลาดสูงสุด 5 อันดับแรกตามดัชนี CoinDesk 5 Index ได้แก่:


  • Bitcoin (BTC) สัดส่วนประมาณ 80.2%
  • Ethereum (ETH) สัดส่วน 11.3%
  • Solana (SOL) สัดส่วน 2.7%
  • XRP สัดส่วน 4.8%
  • Cardano (ADA) สัดส่วน 0.81%

Grayscale กล่าวว่าจุดประสงค์ของกองทุน ETF ใหม่นี้คือทำให้มูลค่าของหน่วยลงทุนสะท้อนกับมูลค่ารวมของสินทรัพย์ดิจิทัลที่ถืออยู่ในกองทุน โดยคำนวณจากดัชนีราคาของแต่ละเหรียญตามสัดส่วน พร้อมหักค่าธรรมเนียมและภาระผูกพันต่าง ๆ


การเปลี่ยนผ่านจาก Trust สู่ ETF: จุดเปลี่ยนของ Grayscale และตลาดคริปโต

ก่อนหน้านี้นักลงทุนมักหากำไรจากส่วนต่างของราคา (Arbitrage) ระหว่างมูลค่าตลาดกับมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ (NAV) ของ Trust ต่าง ๆ ของ Grayscale โดยอาศัยข้อจำกัดเรื่องระยะเวลาล็อกสินทรัพย์ และข้อจำกัดในการไถ่ถอนแบบ in-kind ที่ทำให้ราคาซื้อขายเบี่ยงเบนจาก NAV


แต่เมื่อ Grayscale เริ่มแปลง Trust เหล่านี้เป็น ETF ช่องทาง Arbitrage ก็ลดน้อยลง และแสดงถึง “การเติบโตของอุตสาหกรรมคริปโต” สู่ระดับสถาบันและกฎเกณฑ์ที่ชัดเจนยิ่งขึ้น


Grayscale ถือเป็นผู้บุกเบิกในการให้บริการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล โดยเปิดโอกาสให้นักลงทุนเข้าถึงเหรียญคริปโตได้โดยไม่ต้องถือเหรียญด้วยตนเอง ปัจจุบันการแปลงกองทุนเป็น ETF ยังช่วยให้สภาพคล่องสูงขึ้น และลดความเสี่ยงเรื่องราคาผันผวนจากพรีเมียม/ส่วนลดในตลาดรอง


การต่อสู้กับ SEC ที่พลิกเกม

ย้อนกลับไปในเดือนมิถุนายน 2022 Grayscale เคยถูกปฏิเสธจาก SEC ไม่ให้แปลงกองทุน Bitcoin Trust เป็น ETF จนบริษัทต้องยื่นฟ้องต่อศาล ซึ่งในเดือนสิงหาคม 2023 ศาลได้ตัดสินว่า SEC มีพฤติกรรม "ตามอำเภอใจและไร้เหตุผล" และอนุญาตให้ Grayscale แปลงกองทุนได้


นับแต่นั้น Grayscale Bitcoin Trust (GBTC) ก็กลายเป็น ETF และยังคงเป็นกองทุน Bitcoin ที่มีสัดส่วนตลาดสูงที่สุดในโลก โดยเรียกเก็บค่าใช้จ่ายที่สูงที่สุดในกลุ่มที่ 1.5%

อ้างอิง : cointelegraph.com
ที่มา https://www.bitcoinaddict.com/news/grayscale-etf-approved-sec-digital-large-cap-crypto-fund



Ethereum Community Foundation เปิดตัว! ตั้งเป้าดัน ETH ด้วยโปรเจกต์ที่ "เผาเหรียญ" จริง


ระบบนิเวศของ Ethereum กำลังได้รับแรงสนับสนุนครั้งใหม่จากการเปิดตัวขององค์กรไม่แสวงหากำไรที่มีชื่อว่า Ethereum Community Foundation (ECF) โดยมีเป้าหมายเพื่อผลักดันการนำ Ethereum ไปใช้งานในภาคสถาบันอย่างแท้จริง และช่วยให้ราคา ETH เติบโตในระยะยาว


องค์กรใหม่ ก่อตั้งโดย Zak Cole เน้น “โปรเจกต์ที่เผา ETH” เท่านั้น

Zak Cole ประกาศเปิดตัว ECF ผ่านแพลตฟอร์ม X โดยระบุว่าองค์กรนี้ได้ระดมทุน ETH มูลค่าหลายล้านดอลลาร์แล้ว จากการบริจาคโดยผู้สนับสนุนรายบุคคล และจะนำไปกระจายให้กับโปรเจกต์ที่สร้าง


 “เทคโนโลยีแบบเป็นกลาง” (credibly neutral tech)

"ทุกโปรเจกต์ที่ได้รับทุนสนับสนุนจากเรา ต้องไม่มีโทเคน และต้องเผา ETH ได้จริง" — เว็บไซต์ทางการของ ECF ระบุ


ECF ยังประกาศว่า ทุกโครงการที่รับเงินทุนต้องเป็น Immutable (ไม่สามารถแก้โค้ดย้อนหลัง) และไม่มีการออกโทเคนใหม่ ซึ่งถือเป็นการปฏิเสธโมเดล play-to-earn หรือ token farming แบบเก่า ๆ ที่ทำให้เกิดฟองสบู่ในวงการ


มุ่งเป้าสู่สินทรัพย์จริง (Real-World Assets) และ "ของใช้ได้จริง"

เป้าหมายหลักของ ECF คือสนับสนุนการนำ หุ้น, พันธบัตร, อสังหาริมทรัพย์ และ สินทรัพย์จริง (Real-World Assets - RWAs) ขึ้นมาอยู่บน Ethereum รวมถึงสนับสนุน “Public Goods” อย่างการจัดสรรพื้นที่บล็อบ (Blob Space) อย่างถูกต้อง


การแจกทุนจะใช้วิธี “โหวตด้วยเหรียญ” (coin voting) และมีความโปร่งใส 100% โดยข้อมูลทุกโปรเจกต์และจำนวนเงินสนับสนุนจะถูกเปิดเผยต่อสาธารณะทั้งหมด


เปิดตัว Ethereum Validator Association ให้คน Stake มีสิทธิ์เสียง

ในงาน Ethereum Community Conference ที่เมืองคานส์ ฝรั่งเศส Zak Cole ยังเปิดตัวโปรเจกต์แรกของ ECF คือ Ethereum Validator Association (EVA) ซึ่งจะให้ผู้ที่ stake ETH เข้ามามีบทบาทในการพัฒนาระบบเครือข่าย โดยสามารถส่งสัญญาณผ่าน staked ETH และรับทุนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพิ่มเติม


ECF คือการ “แยกทางเชิงอุดมการณ์” กับ Ethereum Foundation เดิม

Zak Cole ยังกล่าวในเวทีว่า การจัดตั้ง ECF เป็นผลจากความไม่พอใจที่ Ethereum Foundation (EF) ยังไม่ปรับทิศทางกลับมาสู่ "ETH mainnet" และปล่อยให้โปรเจกต์ L2 และโมเดล token economy กลบภาพลักษณ์ของ Ethereum แท้จริง


“นี่ไม่ใช่ fork ในโค้ด แต่คือ fork ในความตั้งใจ” — Zak Cole กล่าว


การตั้ง ECF ยังเกิดขึ้นในช่วงที่ Ethereum Foundation มีการเปลี่ยนตัวผู้บริหารครั้งใหญ่ และมีการก่อตั้งองค์กรการตลาดใหม่ชื่อ Etherealize โดยอดีตทีมพัฒนาของ EF

อ้างอิง : theblock.co

ที่มา https://www.bitcoinaddict.com/news/ethereum-community-foundation-eth-burn-rwa-2025



Strategy ฟาดกำไร Bitcoin Q2 กว่า $13,000 ล้าน แต่ธุรกิจซอฟต์แวร์แทบไม่โต


บริษัท Strategy ซึ่งเป็นผู้ถือ Bitcoin รายใหญ่ที่สุดในโลก คาดว่าจะมีผลประกอบการแบบผสมผสานในไตรมาส 2 ของปี 2025 โดยข้อมูลจาก Bloomberg เมื่อวันอังคารระบุว่า บริษัทน่าจะมีกำไรจากสินทรัพย์ดิจิทัล (ที่ยังไม่ขาย) มากกว่า $13,000 ล้าน ขณะที่รายได้จากธุรกิจซอฟต์แวร์หลักมีเพียง $112.8 ล้าน เท่านั้น ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงช่องว่างที่กว้างขึ้นระหว่าง การลงทุนในคริปโต กับ ผลประกอบการหลักของบริษัท


สะสม Bitcoin ต่อเนื่อง กำไรยังไม่ขาย

ข้อมูลจาก Bitcoin Treasuries ระบุว่า ณ วันที่ 31 มีนาคม Strategy ถือครอง Bitcoin อยู่ที่ 528,185 BTC มูลค่ามากกว่า $43,500 ล้าน และเพิ่มขึ้นเป็น $56,300 ล้าน ณ วันจันทร์ที่ผ่านมา ซึ่งหมายถึง กำไร (ยังไม่ขาย) ถึง $12,800 ล้าน ในช่วง 3 เดือน


กลยุทธ์ของบริษัทที่นำโดย Michael Saylor ซึ่งปัจจุบันเป็นประธานบริษัท Strategy ยังคงเน้นการสะสม Bitcoin แบบต่อเนื่อง โดยอาศัยการระดมทุนผ่านหุ้นกู้ หุ้นบุริมสิทธิ์ และหุ้นเพิ่มทุน เพื่อเข้าซื้อ Bitcoin รายสัปดาห์อย่างต่อเนื่อง


รายได้หลักนิ่ง แต่ราคาหุ้นพุ่งแรง

แม้รายได้จากธุรกิจหลัก (ซอฟต์แวร์) จะอยู่เพียงราว $112.8 ล้าน แต่ราคาหุ้น Strategy ยัง พุ่งขึ้นมากกว่า 170% ในรอบปีที่ผ่านมา ตามข้อมูลจาก TradingView


ในโพสต์บน X Saylor กล่าวว่าบริษัทสร้างผลตอบแทน Bitcoin ได้ 7.8% ในไตรมาสที่สองของปีนี้  ซึ่งเป็นตัวชี้วัดที่ Strategy ใช้วัดการเติบโตของ Bitcoin ต่อการถือหุ้น


ในเดือนมิถุนายน Strategy เข้าซื้ออีก 4,980 BTC ต่อจากการซื้อ 245 BTC มูลค่า $26 ล้าน ในสัปดาห์ก่อนหน้า และการซื้อ 705 BTC มูลค่า $75.1 ล้าน ในช่วงปลายเดือนพฤษภาคม


คำอธิบาย “กำไรยังไม่ขาย” คืออะไร?

Unrealized Gain หรือ “กำไรที่ยังไม่ขาย” คือส่วนต่างของราคาสินทรัพย์ (ในกรณีนี้คือบิทคอยน์) ที่เพิ่มขึ้นจากราคาที่บริษัทซื้อไว้ โดยยังไม่มีการขายออกเพื่อรับเงินจริง ๆ ดังนั้น ตัวเลขนี้สะท้อนเพียง “กำไรตามราคาตลาดปัจจุบัน” แต่ยังไม่มีเงินสดไหลเข้า

อ้างอิง : cointelegraph.com
ที่มา https://www.bitcoinaddict.com/news/strategy-bitcoin-profit-q2-2025




รู้ทันเกม รู้ก่อนใคร ติดตาม "ทันหุ้น" ได้ทุกช่องทางเหล่านี้


Facebook คลิก https://www.facebook.com/thunhoonnews
Youtube คลิก https://www.youtube.com/c/ThunhoonOfficial
Tiktok คลิก https://www.tiktok.com/@thunhoon_/
จาก
ถึง
Select...
หุ้น
Select...
หัวข้อ
Select...

เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา  อ่านเพิ่มเติม

X