ฟิวเจอร์สหุ้นสหรัฐฯร่วง ความตึงเครียดในตอ.กลาง

#หุ้นสหรัฐ #ทันหุ้น - ฟิวเจอร์สหุ้นสหรัฐฯ ร่วง จากความไม่แน่นอนเรื่องข้อตกลงการค้าและความตึงเครียดในตะวันออกกลาง

ดัชนีฟิวเจอร์สของตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวลดลงในวันพฤหัสบดี จากความระมัดระวังของนักลงทุน หลังมีการประกาศกรอบข้อตกลงระหว่างวอชิงตันและปักกิ่ง ขณะเดียวกันก็มีความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ตึงเครียดที่เพิ่มขึ้นในตะวันออกกลาง

ณ เวลา 05:30 ET (09:30 GMT)

ฟิวเจอร์สดัชนี Dow Jones ร่วงลง 260 จุด หรือ 0.6%

ฟิวเจอร์สดัชนี S&P 500 ลดลง 22 จุด หรือ 0.4%

ฟิวเจอร์สดัชนี Nasdaq 100ปรับตัวลง 130 จุด หรือ 0.6%

ดัชนีหลักของวอลล์สตรีทส่วนใหญ่ปิดลบเมื่อวันพุธ

โดย S&P 500ซึ่งเป็นดัชนีหลักที่ครอบคลุมตลาดกว้าง ยุติการปรับขึ้น 3วันติดต่อกัน ด้วยการลดลง 0.3%ซึ่งต่ำกว่าระดับสูงสุดในปลายเดือนกุมภาพันธ์เพียงเล็กน้อยกว่า 2%

ความไม่แน่นอนจากข้อตกลงการค้า

นักลงทุนมีท่าทีระมัดระวัง หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ อ้างว่าข้อตกลงการค้ากับจีน "เสร็จสิ้นแล้ว" เหลือเพียงรอการอนุมัติจากผู้นำของทั้งสองประเทศ

ทรัมป์กล่าวกับนักข่าวเมื่อวันพุธว่า ทำเนียบขาว “กำลังไปได้สวยในเรื่องข้อตกลง” และเสริมว่า “มีหลายประเทศเลยทีเดียวที่อยากทำข้อตกลงกับเรา”

ทรัมป์ยังระบุว่า เขาจะส่งจดหมายถึงประเทศคู่ค้ารายใหญ่ของสหรัฐฯ ภายใน 2สัปดาห์ เพื่อแจ้งแผนการเก็บภาษีการค้าของเขา ก่อนเส้นตายวันที่ 9 กรกฎาคม ในการบรรลุข้อตกลงทางการค้ากับรัฐบาลของเขา

เขายังกล่าวอีกว่า ประเทศต่าง ๆ จะได้รับข้อเสนอข้อตกลงการค้าแบบ "เลือกเอาหรือไม่ก็ไม่ต้องเอา" ซึ่งน่าจะหมายความว่าเขาพร้อมเดินหน้ากับแผนการจัดเก็บภาษีการค้าในอัตราสูง หากไม่ตกลงกันได้

โดยก่อนหน้านี้ ทรัมป์ได้เปิดเผยแผนเก็บภาษีที่เรียกว่า “Liberation Day” เมื่อต้นเดือนเมษายน แต่ได้ขยายเวลาอีก 90 วันเพื่อให้มีเวลาต่อรองข้อตกลง

แม้จะเคยเลื่อนกำหนดการในอดีต แต่คราวนี้ทรัมป์ยืนยันว่า จะไม่ขยายเส้นตาย 9 กรกฎาคมอีก

ปัจจุบัน สหรัฐฯ มีข้อตกลงการค้าฉบับเดียวที่ลงนามแล้วกับอังกฤษ ขณะที่การหยุดชั่วคราวในการเก็บภาษี 90วันจะสิ้นสุดลงในวันที่ 8 กรกฎาคม

ความตึงเครียดในตะวันออกกลางเพิ่มความไม่แน่นอน

ในวันพุธตอนเย็น ทรัมป์ยืนยันว่าสหรัฐฯ กำลังอพยพบุคลากรออกจากตะวันออกกลาง ทำให้เกิดความกังวลว่าความขัดแย้งทางทหารกับอิหร่านอาจปะทุขึ้นในเร็ว ๆ นี้

ขณะเดียวกัน การเจรจานิวเคลียร์กับอิหร่านก็ดูไม่คืบหน้า และกำลังจะหมดเส้นตายภายในสัปดาห์นี้

ตัวเลขเงินเฟ้อ PPI และการขอรับสวัสดิการว่างงานจะถูกจับตา

นักลงทุนจะให้ความสนใจกับข้อมูลเงินเฟ้อฝั่งผู้ผลิต (PPI) และตัวเลขการขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ เพื่อหาสัญญาณเศรษฐกิจเพิ่มเติม ท่ามกลางนโยบายการค้าที่ผันผวนในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา

แม้ข้อมูลเงินเฟ้อผู้บริโภค (CPI) ที่รายงานเมื่อวันพุธจะออกมาต่ำกว่าคาด แต่ก็ยังไม่เห็นผลกระทบจากภาษีของทรัมป์ชัดเจน

Oracle ปรับเป้ารายได้ขึ้น

ราคาหุ้นของ Oracle (NYSE: ORCL) พุ่งขึ้นในการซื้อขายก่อนเปิดตลาด หลังบริษัทปรับเพิ่มเป้าการเติบโตของรายได้ประจำปี และชี้ให้เห็นถึงความต้องการที่แข็งแกร่งจากลูกค้าที่ต้องการใช้ AI

ซีอีโอ ซาฟรา แคตซ์ (Safra Catz) กล่าวกับนักลงทุนว่า รายได้รวมในปีงบประมาณ 2026ของบริษัท คาดว่าจะไม่ต่ำกว่า 67 พันล้านดอลลาร์ สะท้อนการเติบโตเฉลี่ยราว 16.7% ต่อปี เพิ่มขึ้นจากเดิมที่ตั้งเป้าไว้ที่ 15%

น้ำมันปรับตัวลงหลังพุ่งแรงในวันก่อนหน้า

ราคาน้ำมันอ่อนตัวลง หลังจากพุ่งแรงกว่า 4% ในวันพุธ โดยได้รับแรงกดดันจากความตึงเครียดในตะวันออกกลางและการที่สหรัฐฯ อนุญาตให้ครอบครัวทหารออกจากภูมิภาคโดยสมัครใจ

ณ เวลา 05:30 ET

ราคาน้ำมันดิบ Brent ลดลง 1.2% มาอยู่ที่ 68.91 ดอลลาร์/บาร์เรล

ราคาน้ำมันดิบ WTI ของสหรัฐฯ ลดลง 1.2% มาอยู่ที่ 67.33ดอลลาร์/บาร์เรล

การพุ่งขึ้นของราคาน้ำมันเมื่อวันพุธมาจากความคืบหน้าในการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีน ซึ่งช่วยคลายกังวลด้านอุปสงค์ ข้อตกลงการค้าที่ราบรื่นจะช่วยกระตุ้นกิจกรรมเศรษฐกิจทั่วโลก และส่งผลบวกต่อความต้องการน้ำมัน

ขณะเดียวกัน การพุ่งขึ้นของราคาน้ำมันก็สะท้อนความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์ที่เพิ่มขึ้น นักลงทุนวิตกว่า หากเกิดความขัดแย้งจริง อาจส่งผลกระทบต่อเส้นทางเดินเรือหรือต่อโครงสร้างพื้นฐานด้านน้ำมันในภูมิภาคอ่าว