#เอ็นเตอร์เทนเมนท์ คอมเพล็กซ์ #ทันหุ้น – รัฐผลักดันกฎหมายเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ผ่านในรัฐบาลชุดนี้ กรกฎาคมเข้าสภา ชี้ไทยต้องมีกาสิโนดันพ้นกับดักรายได้ต่ำ ยกมีโอกาสเป็น 1 ใน 3 ของโลก ชี้ลงทุนขั้นต่ำ 3 แสนล้านบาท รายได้เที่ยวเพิ่ม 1-2 แสนล้านบาท ด้าน ส.อ.ท. หนุน ส่วนโบรกมองใช้เวลานาน แต่หากคืบหน้าเป็นปัจจัยบวกระยะสั้น ชู “รับเหมาก่อสร้าง-ธนาคาร-ท่องเที่ยว-โรงแรม”รับอานิสงส์
นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวในระหว่างการแถลงข่าว “ทำไมประเทศไทยต้องมีเอ็นเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์” ว่า โดยส่วนตัวเชื่อว่าจะสามารถผลักดันกฎหมายเอ็นเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์ให้มีผลบังคับใช้ในรัฐบาลชุดนี้ได้ โดยจะเข้าพิจารณาในสภาผู้แทนราษฎร วาระที่หนึ่งในเดือนกรกฎาคมนี้ ซึ่งคาดว่าจะต้องใช้ระยะเวลาเป็นปีกว่าการพิจารณาทั้งจากสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา จะพิจารณาร่างกฎหมายแล้วเสร็จ และหลังจากกฎหมายมีผลบังคับใช้ ก็จะต้องมีขั้นตอนการแต่งตั้งคณะกรรมการระดับชาติ ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน มีการศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการในพื้นที่ที่ถูกำหนด รวมถึงการพิจารณาองค์ประกอบที่ควรจะมีในเอ็นเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์ เช่น Indoor Stadium สวนสนุกระดับโลก เป็นต้น เพื่อจัดทำเป็น TOR ซึ่งคาดว่าจะต้องใช้ระยะเวลารวมหลายปี
สำหรับเอ็นเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์ ไม่สามารถตัดกาสิโน ออกไปได้ เนื่องจากเป็นโมเดลทางธุรกิจ หากตัดกาสิโนออกไป จะทำให้การลงทุนบางประเภทในเอ็นเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์ไม่สามารถเกิดขึ้นได้ เช่น Indoor Stadium ที่ต้องใช้เงินลงทุน 3-4หมื่นล้านบาท ซึ่งหากกังวลว่า กฎหมายนี้จะก่อให้เกิดกาสิโนเกิดขึ้นทั่วประเทศเป็นดอกเห็ด ทางรัฐบาลอาจพิจารณาว่าอาจจะกำหนดจำนวนเอ็นเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์ไว้ในกฎหมายก็ได้ โดยมองว่าถึงเวลาที่ต้อง “สร้างโอกาส” ครั้งใหม่ พัฒนาการท่องเที่ยวที่ทำให้รายได้ต่อหัวนักท่องเที่ยวในประเทศมากขึ้น
โดยความเห็นของผู้ประกอบการที่มีประสบการณ์ในธุรกิจนี้ ที่ได้มาหารือกับตนว่า ประเทศไทยมีศักยภาพสูงในธุรกิจนี้ คาดว่าหลังการเปิดให้บริการแล้ว ภายใน 5-10 ปี เอ็นเตอร์เทนเมนต์ ของไทย จะใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลก รองจาก สหรัฐและมาเก๊า
@สร้างรายได้อื้อ
นายศึกษิษฎ์ ศรีจอมขวัญ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จากการประเมินการลงทุนในเอ็นเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์ในประเทศไทย คาดว่าจะต้องลงทุนอย่างน้อย 3 แสนล้านบาท ซึ่งโครงการนี้จะสร้างผลกระทบต่อจีดีพีในระหว่างการก่อสร้างโครงการ 0.23%และเมื่อมีการเปิดให้บริการแล้ว จะช่วยสร้างจีดีพีปีละ 0.2-0.8%ซึ่งเป็นการคาดการณ์ที่ค่อนข้างต่ำ และจะช่วยให้การท่องเที่ยวพ้นกับดักรายได้จากการท่องเที่ยวที่อยู่ในระดับต่ำ
โดยโครงการนี้จะสามารถสร้างรายได้จากท่องเที่ยว 1-2 แสนล้านบาทต่อปี และรัฐบาลจะมีรายได้จากภาษีเงินได้เพิ่มขึ้น 1.2-4 หมื่นล้านบาท ยังไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่มอีก 8 พันล้านบาท ถึง 3.5หมื่นล้านบาท นอกจากนั้นรัฐบาลจะมีรายได้จากค่าใบอนุญาต 3 พันล้านบาท และค่าธรรมเนียมอีก 3 พันล้านบาทต่อปี ในประเด็นเรื่องความกังวลว่า เอ็นเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์ จะกลายเป็นแหล่งฟอกเงินของธุรกิจที่ผิดกฎหมายนั้น โครงการนี้จะเป็นจุดสุดท้ายที่คนที่คิดจะฟอกเงินจะเข้ามาฟอกเงินในที่นี้ ซึ่งธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และจิวเวลรี่ มีความเสี่ยงในการใช้เป็นแหล่งฟอกเงินสูงกว่าด้วยซ้ำ นอกจากนี้จะมีมาตรการการป้องกันการเกิดปัญหาการติดการพนัน
นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า โมเดลธุรกิจ Entertainment Complex ที่มีอยู่แล้วในหลายประเทศทั่วโลก ซึ่งพิสูจน์แล้วว่าสามารถสร้างและกระตุ้นเศรษฐกิจได้ รวมถึงส่วนประกอบที่สำคัญ เช่น กาสิโน หากไม่มีกาสิโนลักษณะจะคล้ายกับห้างสรรพสินค้าที่มีอยู่แล้วในปัจจุบันที่ไม่ได้แตกต่างกันมาก แม้ว่าจะมีสัดส่วนที่ไม่มากแต่คาดว่ามีความสามารถในการสร้างรายได้ที่สูงเทียบเท่าธุรกิจอื่นๆ ใน Entertainment Complex รวมกัน
@ชูรับเหมา ธนาคาร ท่องเที่ยว
นายชาญชัย พันทาธนากิจ ผู้อำนวยการสายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เปิดเผยกับ “ทันหุ้น” ว่า เป็นความคาดหวังเชิงบวกสำหรับโครงการเมกะโปรเจ็กต์ของภาครัฐในอนาคต และเป็นส่วนสำคัญที่จะช่วยดึงดูดภาคการท่องเที่ยวของประเทศไทยในระยะถัดไป แม้จะเป็นข่าวดีแต่การดำเนินโครงการจริง คาดว่าจะใช้เวลาอีกหลายปีกว่าจะเห็นเป็นรูปธรรม
โดยประเด็นนี้หากมีความคืบหน้าจะถือเป็นบวกต่อตลาดหุ้นโดยรวม ทั้งนี้กลุ่มหุ้นที่ได้รับประโยชน์ในช่วงแรกคือ กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง, ธนาคาร ต่อมาคือกลุ่มหุ้นภาคการท่องเที่ยว, โรงแรม ส่วนกลุ่มหุ้นที่ได้รับประโยชน์ทางอ้อม คือ กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ จากราคาที่ดินบริเวณโดยรอบจะปรับเพิ่มขึ้น หาก Entertainment Complex เกิดขึ้นจริง
@มองเป็นกลางต่อตลาดหุ้น
นายณัฐพล คำถาเครือ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า โครงการ Entertainment Complex ไม่ใช่โครงการที่จะเกิดขึ้นเร็วๆ นี้ และเป็นโปรเจ็กต์ที่ต้องใช้เวลา ซึ่งล่าช้ากว่าที่รัฐบาลตั้งเป้าหมายไว้มากในตอนแรก
ในภาพระยะสั้นยังต้องรอเสถียรภาพของรัฐบาลก่อนเพราะพรรคร่วมรัฐบาลบางพรรคไม่เห็นด้วย หากรัฐบาลตกลงที่จะทำ ต้องนำกฎหมายผ่านสภา ซึ่งอาจต้องมีการทำประชาพิจารณ์ (Hearing) อีกรอบหลังจากการปรับปรุงหรือนำเข้าสภาเลย หากโครงการนี้เกิดขึ้นได้ ถือเป็นปัจจัยบวกในแง่ของการกระตุ้นโครงการลงทุนขนาดใหญ่ ซึ่งประเทศไทยไม่มีอะไรใหม่ๆ นอกจากการลงทุนรถไฟฟ้ามานานเป็นระยะเวลา 10 ปีแล้ว
ดังนั้นจึงมีมุมมองเป็น “กลาง” สำหรับสิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้นเร็ว โดยยังไม่ส่งผลบวกต่อตลาดทุนมากนักในตอนนี้ ซึ่งกลุ่มหุ้นที่คาดว่าจะได้รับผลประโยชน์ คือ กลุ่มที่มีที่ดินเยอะ, กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง ที่จะได้ประโยชน์จากโปรเจ็กต์ขนาดใหญ่, กลุ่มที่อยากจะทำโครงการนี้ เช่น กลุ่ม BTS รวมถึงกลุ่มห้างสรรพสินค้า เช่น CRC และ MBK
เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา อ่านเพิ่มเติม