23 พฤษภาคม 2025 เวลา 09:36 น.
#ทันหุ้น - บล.ฟินันเซียไซรัส มองแนวโน้มตลาดวันนี้ คาด SET Index มีโอกาส technical rebound อ่อนๆ ในระยะสั้นหลังจากปรับลงติดต่อกันหลายวัน และนักลงทุนต่างชาติยังซื้ออยู่ โดยมองกรอบ 1,170 ถึง 1,185-90 จุด กลุ่มน้ำมันและพลังงานอาจช่วยประคองตลาดได้หลังราคาน้ำมันดิบโลกขยับบวก หลัง OPEC+ วางแผนเพิ่มการผลิต
ส่วนภาพตลาดหุ้นระยะกลางยังมองซึมลง ตลาดโดยรวมยังไร้ปัจจัยใหม่ ไม่ว่าเป็นการเจรจาการค้ากับประเทศต่างๆ ที่คืบหน้าช้า ขณะเดียวกัน 2Q25 เข้าสู่ฤดู low season ของหลายธุรกิจรวมถึงภาคท่องเที่ยว และกำลังซื้อในประเทศที่อ่อนแรง เน้นเลือก หุ้น Defensive ที่มีแนวโน้มกำไรแข็งแกร่งและมั่นคง โดยเฉพาะสินค้าบริการจำเป็นที่ราคายัง Laggard มีแนวโน้มทนต่อความผันผวนของตลาดได้ดีกว่า
กลยุทธ์ : ยังเน้น Selective Buy หุ้นที่มีแนวโน้มกำไร 2Q25-2025 แข็งแกร่งและโดยเน้นกลุ่มสินค้าและบริการจำเป็นท่ามกลางความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจ
หุ้นเด่นเดือน พ.ค. : CPALL, MTC, NSL, OSP, PR9
FSSIA Portfolio : BA, BTG, CPALL, KBANK, MTC, NSL, PR9, STECON
หุ้นเด่นวันนี้ : MINT
• แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 45 บาท
• เป็นหุ้นโรงแรมที่แข็งแกร่งท่ามกลางการท่องเที่ยวของไทยที่เข้า low season เพราะการจองห้องพักในยุโรปและมัลดีฟส์ที่สูงใน 2Q25 โดย RevPar เดือน เม.ย. ในยุโรปโต 2-3% y-y เคือน พ.ค. โตใกล้ 10% y-y ส่วนโรงแรมในมัลดีฟส์โตเป็นเลขสองหลัก ธุรกิจอาหารมี SSSG เป็นลบในเดือน เม.ย. และเริ่มเป็นบวกใน พ.ค.
• เตรียมชำระคืนหนี้ยูโร 200 ล้านยูโร ซึ่งจะทำให้หนี้ที่มีดอกเบี้ยปัจจุบัน 9.57 หมื่นลบ. ลดลง และตั้งเป้าลด Net IBD/E ลดลงเป็น 0.75x สิ้นปี 2025 จากปัจจุบัน 0.83x
• แนวรับ 23-24 บาท แนวต้าน 27.50//29.50 บาท
ด้าน บล.ดาโอ คาดดัชนีฯ แกว่งกรอบแคบ นักลงทุนยังกังวลทิศทางตลาดสหรัฐฯ และขาดข่าวบวกหนุน โดยตลาดหุ้นไทยโดนกดดันจากความกังวลในประเด็นสงครามในตะวันออกกลาง และปัญหาเรื่องงบประมาณของสหรัฐฯ รวมถึงการลดน้ำหนักของ MSCI สัปดาห์หน้า กดดันให้ดัชนีฯลงมาต่ำกว่า 1200 จุดอีกครั้ง เรายังแนะนำให้เฝ้าระวังบริเวณ 1170 -1172 จุด หากยืนไม่อยู่ก็อาจจะเป็นสัญญาณทยอยลดพอร์ตอีกครั้ง
• ร่างกฎหมายภาษีฉบับสำคัญของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผ่านความเห็นชอบจากสภาผู้แทนราษฎรอย่างเฉียดฉิวเมื่อวันพฤหัสฯ ...... ข่าวนี้ เป็นลบต่อตลาดสหรัฐฯอย่างมากวันก่อน หนุน Bond Yield 10 ปี ขึ้นแตะ 5.0% แต่สามารถกลับมาปิดที่ 4.54% ได้ หลังกฎหมายฉบับนี้ผ่านมาได้ โดยใช้ร่างกฎหมายเดิม แต่เนื่องจากขาดดุลงบประมาณ จะเพิ่มขึ้นราว 2.3 ล้านล้านดอลลาร์ภายใน 10 ปี ทำให้ตลาดหุ้นไม่ตอบสนองในทางบวกมากนัก Dollar Index เช้านี้ 99 จุด และราคาทองคำเดินหน้าขึ้นสู่ $3299 เหรียญ ตลาดเอเซียวันนี้จึงยังวางใจไม่ได้มากนัก
• ตลาดยังจับตาดูสถานการณ์สงครามตะวันออกกลาง จากประเด็นอิสราเอลกำลังเตรียมการโจมตีเป้าหมายในโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่าน ในระหว่างที่สหรัฐฯ และอิหร่านร่วมกันทำข้อตกลงนิวเคลียร์ทางอ้อม ซึ่งรอบที่ 5 จะจัดขึ้นที่ กรุงโรม อิตาลี ในวันนี้ .... ประเด็นสงครามยังกดดันตลาดในช่วงนี้ แต่ราคาน้ำมันดิบ ไม่ได้ตอบรับมาก คาดว่าความรุนแรงอาจไม่ได้มีมากอย่างที่ตลาดกังวล ทั้งนี้ มีบางแหล่งข่าวบอกว่า อิสราเอลอาจไม่มีการโจมตีจริงๆ
• OPEC+ สมาชิกกลุ่ม OPEC+ กำลังหารือเกี่ยวกับการเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันครั้งใหญ่อีกครั้งในเดือนกรกฎาคม ซึ่งจะเป็นครั้งที่สามติดต่อกัน โดยจะมีการตัดสินใจขั้นสุดท้ายในที่ประชุมของกลุ่มในอีกไม่ถึงสองสัปดาห์ข้างหน้า ตามข้อมูลจากผู้แทนที่ขอไม่เปิดเผยชื่อเนื่องจากข้อมูลเป็นความลับ หนึ่งในตัวเลือกที่อยู่ระหว่างการหารือคือ การเพิ่มกำลังการผลิต 411,000 บาร์เรลต่อวัน สำหรับเดือนกรกฎาคม ทั้งนี้ 1 มิ.ย. นี้ 8 ประเทศหลักใน OPEC+ จะจัดประชุมผ่านวิดีโอเพื่อสรุปโควตาเดือนกรกฎาคม ....... ปริมาณการผลิตที่เพิ่มขึ้น จะลบต่อหุ้น PTTEP แต่บวกต่อหุ้นปิโตรเคมีขั้นต้น (PTTGC, SCC)
• รมว.พาณิชย์ นายพิชัย นริพทะพันธุ์ ได้เรียกร้องให้ ธปท. ช่วยดูแลค่าเงินบาทที่ในขณะนี้แข็งค่ามาก (32.6 บาทต่อดอลลาร์) เพื่อลดผลกระทบต่อกลุ่มผู้ส่งออก โดยระบุว่าระดับที่เหมาะสมควรอยู่ที่ 36–37 บาทต่อดอลลาร์
• คลังเตรียมเดินหน้าโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 1.57 แสนล้านบาท ภายในสิ้นเดือนพ.ค. 68 ครอบคลุม 4 หลักการ โครงสร้างพื้นฐาน ท่องเที่ยว ส่งออก และเศรษฐกิจชุมชน โดยจะเป็นโครงการระยะสั้น ดำเนินการภายใน 4–5 เดือน หวังดันเม็ดเงินเข้าระบบภายในปีนี้ .... มองเป็นบวกมากขึ้นในภาพรวมเศรษฐกิจปีนี้ ที่โครงการอาจมาช่วยดัน GDP ทั้งปีเพิ่มขึ้นได้
• หลักทรัพย์ที่จะขึ้น “XD” สัปดาห์หน้า มี 39 หลักทรัพย์ หลักทรัพย์ที่จะขึ้น “XD” สัปดาห์นี้ อาทิ IVL(@0.175), KAMART(@0.11), TFG(@0.075), SRIPANWA(@0.0717)
• Event วันนี้ : ผู้แทนการค้าไทย เป็นประธานการประชุมส่งเสริมการท่องเที่ยวสำหรับนักท่องเที่ยวอินเดีย
Technical : BCH, KAMART
ขณะที่ บล.คิงส์ฟอร์ด ประเมินดัชนี SET วันนี้มีโอกาสทรงตัวในกรอบ 1,170 – 1,185 หลัง US Bond Yield 10 ปี เริ่มปรับลดลง กอปรกับ Fund Flow ต่างชาติซื้อสุทธิในตลาดหุ้น & พันธบัตรไทย แนะนำทยอยซื้อ KBANK,SCB ที่จ่ายเงินปันผลสูง และสามารถพัฒนาด้านดิจิทัลแพลตฟอร์ม, กลุ่มอาหาร & เครื่องดื่ม CPF,GFPT,TFG, OSP กลุ่มปิโตรเคมี & โรงกลั่น SCC,TOP,IVL คาดกำไรปีนี้มีโอกาสฟื้นตัวจากฐานต่ำ
SCGP* (ซื้อเก็งกำไร / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 16.50 บาท) บริษัทรายงานกำไร 1Q68 ที่ 900 ล้านบาท ดีขึ้น QoQ แต่ยังลดลง YoY หนุนจากอัตรากำไรขั้นต้นรวมที่ฟื้นตัว แนวโน้มผลประกอบการ 2Q68 มีโอกาสฟื้นตัว QoQ ต่อเนื่องหนุนจากปริมาณขายบรรจุภัณฑ์ในเวียดนามและอินโดนีเซียที่ฟื้นตัวหลังผ่านช่วงเทศกาล ขณะที่ผลขาดทุนของ Fajar เริ่มลดลง ส่วนใน 2H68 แนวโน้มกำไรอาจจะอ่อนตัวตามปัจจัยฤดูกาลเทียบกับ 1H68 แต่ถ้าเทียบปีก่อนน่าจะกลับมาโต YoY จากฐานที่ต่ำ สำหรับภาพรวมทั้งปี 68 ตลาดคาดกำไรสุทธิ 3.5 พันล้านบาท -5%YoY ยังคงได้รับผลกระทบจากการเพิ่มสัดส่วนใน Fajar และต้นทุนดอกเบี้ยที่ปรับเพิ่มขึ้น ส่วนในปี 69 คาดกำไรสุทธิจะกลับมาเติบโตขึ้นเป็น 4.3 พันล้านบาท +22%YoY หนุนจาก Fajar ทีเริ่มกลับมาเป็นกำไรได้
CPF (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 30.00 บาท) กำไรสุทธิ 1Q68 อยู่ที่ 8,549 ลบ.(+642%YoY, +105%QoQ,) ปัจจัยหนุนกำไรหลักๆมาจาก GPM สูงอยู่ที่ 18.50% +649bsp YoY +282bspQoQ ตามราคาขายสุกรในไทยและภูมิภาค(เวียดนาม ,ฟิลิปปินส์, กัมพูชา) ที่ปรับตัวสูงขึ้นตอบรับ Supply ที่หายไปจากโรคระบาดสุกรในช่วงปีก่อน ส่วนแนวโน้มระยะสั้น กำไรในช่วง 2Q68 เราคาดว่าจะยังอยู่ในเกณฑ์ดีต่อเนื่องหนุนด้วยราคาเนื้อสัตว์ในประเทศโดย เดือนเม.ย.68 ราคาสุกรไทยอยู่ที่ 87 บาท/กก.(+28%YoY, +6%MoM) และ ปัจจุบัน ประคองตัวบริเวณ 88 บาท/กก. ขณะที่ในส่วนของต้นทุนเลี้ยง(เช่น ข้าวโพด, ถั่วเหลือง) ราคายังประคองตัวในโซนค่อนข้างต่ำต่อเนื่อง
เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา อ่านเพิ่มเติม