22 พฤษภาคม 2025 เวลา 06:20 น.
#ทันหุ้น-สุดสัปดาห์ที่ผ่านมา Moody’s Ratings ได้ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐจากระดับ Aaa (สูงสุด) ลงมาอยู่ที่ Aa1 โดยให้เหตุผลหลัก 1. การขาดดุลการคลังเรื้อรัง (Structural Fiscal Deficit) 2. ระดับหนี้สาธารณะที่สูงขึ้นต่อเนื่อง โดยไม่มีแนวโน้มจะลดลงในระยะสั้น 3. ความไม่แน่นอนทางการเมือง ซึ่งอาจกระทบต่อความสามารถของรัฐบาลในการจัดการงบประมาณอย่างมีวินัย
การปรับลงครั้งนี้ถือเป็นการลงตาม S&P และ Fitch Rating จาก AAA สู่ AA+ โดยให้เหตุผลคล้าย Moody’s คือ มีปัญหาการคลังเรื้อรัง และความขัดแย้งทางการเมืองที่รุนแรงในสภาคองเกรส ทั้งนี้ รมต.คลังสหรัฐ สก๊อต เบสเซนท์ บอกว่าการลดเครดิตนี้เป็น Lagging Indicator หรือการชี้นำแบบ เศรษฐกิจเกิดอะไรขึ้นไปแล้ว ไม่ใช่ดัชนีที่จะบอกว่าจะเกิดอะไร
มองย้อนกลับไป ครั้งที่ S&P ทำการปรับลดจาก AAA สู่ AA+ ส.ค.2011S&P500Index ร่วงรุนแรงทันที -6.66% และใช้เวลาฟื้นตัวราว 18 วันทำการจนดัชนีกลับมาที่เดิม ส่วน Fitch Rating เมื่อ ส.ค.2023 S&P500Index ลงใน 2 วันถัดมารวม -2% และใช้เวลาราว 9 วันสามารถกลับมาที่เดิมได้ จะเห็นได้ว่าการปรับลดของ Fitch มีผลกระทบที่น้อยกว่า เป็นไปได้ว่าตลาด “คุ้นเคย” กับความเสี่ยงนี้แล้ว ดังนั้นการปรับลดอันดับเครดิตของ Moody’s ตลาดและ Consensus จึงมองว่าอาจไม่ได้ส่งผลรุนแรงมากนัก
อย่างไรก็ตาม S&P500 Index มีการฟื้นตัวจาก Tariffs Shock มาเยอะมากๆ แล้ว ดัชนีบวกต่อเนื่อง 19 วันที่ผ่านมากว่า 15% จนดัชนีกลับเหนือกว่าระดับก่อนถึงวัน Liberation Day การที่มีข่าวลบเรื่องลดเครดิต คาดว่าจะเป็นเหตุให้เกิดแรงขายทำกำไร (หลัง S&P500 Index และหุ้น Big Tech ใน Magnificent 7 ให้ผลตอบแทนดีมากๆใน 1 เดือนที่ผ่านมา) กอปรความกังวลต่อความไม่แน่นอนของ ปธน.ทรัมป์ อาจสร้างกระแส “Sell America” ขายหุ้น ขายบอนด์ ขายดอลลาร์ ขึ้นมาอีกครั้ง
ความเสี่ยงที่ S&P500 Index จะเข้าสู่โหมดปรับฐานอีกครั้งมีสูงมากขึ้น แต่ในส่วนของเอเชียจะยังคงเคลื่อนไหวตอบรับกับผลการเจรจาการค้า ซึ่งน่าจะออกมาเป็นการเก็บภาษีถ้วนหน้าทุกประเทศ 10% ส่วนจีนจะโดนภาษีการค้ารวม 30%Goldman Sachs ให้นิยามสถานการณ์ดีว่า “ดีที่สุด” เท่าที่จะเป็นไปได้แล้ว
โดย Goldman Sachs ได้ปรับประมาณการเศรษฐกิจกลับสู่ระดับใกล้เคียงช่วงก่อน เม.ย. สหรัฐ เป็น +1.0% (จากเดิม +0.5%) ยุโรป เป็น +0.9% (จากเดิม +0.8%) จีน เป็น +4.6% (จากเดิม +4.0%) และปรับ EPS ของ S&P 500 เพิ่มขึ้น +4 จุดเปอร์เซ็นต์ เป็น +7%STOXX Europe 600 เพิ่มขึ้น +7 จุดเปอร์เซ็นต์ เป็น 0% MSCI China เพิ่มขึ้น +3 จุดเปอร์เซ็นต์ เป็น +9%MSCI Asia Pacific ex-Japan (MXAPJ) เพิ่มขึ้น +2 จุดเปอร์เซ็นต์ เป็น +9% ทีมกลยุทธ์ Merchant Partner จึงยังคงเน้นลงทุนในหุ้นจีน และเอเชีย โดยเลือก KT-ASHARE และ KT-ASIAG เป็นกองทุนเด่นประจำสัปดาห์
เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา อ่านเพิ่มเติม