#ทันหุ้น-ตลาดหุ้นไทยเมื่อวานเคลื่อนไหวในกรอบแคบที่บริเวณ 1,190 หลังจากปรับตัวลดลงหลุดแนวรับสำคัญที่ 1,200 ลงไป ทำให้แนวโน้มในระยะสั้นยังมีโอกาสปรับตัวลดลงต่อเนื่องไปทดสอบแนวรับที่ 1,175 และ 1,160 เป็นแนวรับสำคัญสำหรับหุ้นที่น่าสนใจวันนี้ คือ BCH หรือ บริษัท บางกอก เชน ฮอสปิทอล จำกัด (มหาชน)
ดำเนินธุรกิจในรูปแบบกลุ่มโรงพยาบาล ซึ่งมีโรงพยาบาลในเครือทั้งหมด 15 แห่ง โพลีคลินิก 2 แห่ง และคลินิกเฉพาะทางด้านเวชกรรมรังสีรักษา เพื่อให้บริการทางการแพทย์ในระดับปฐมภูมิ-ตติยภูมิ ภายใต้ 4 กลุ่มโรงพยาบาล คือ 1.กลุ่มโรงพยาบาลเวิลด์เมดิคอล 2.กลุ่มโรงพยาบาลเกษมราษฎร์ อินเตอร์เนชั่นแนล 3.กลุ่มโรงพยาบาลเกษมราษฎร์ และ 4.กลุ่มโรงพยาบาลการุญเวช เพื่อให้บริการครอบคลุมผู้ป่วยทุกกลุ่มตั้งแต่ผู้ป่วยทั่วไป ชาวต่างชาติ และผู้ป่วยในโครงการประกันสังคม
BCH รายงานผลการดำเนินงาน ไตรมาสที่ 1 ปี 68 มีกำไรสุทธิ 321 ล้านบาท คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 0.13 บาท เมื่อเทียบงวดเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 318 ล้านบาท คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 0.13 บาท
BCH รายงานภาพรวมผลการดำเนินงานของบริษัทในไตรมาสที่ 1 ปี 2568 บริษัทและโรงพยาบาลในเครือมี รายได้รวม 2,929.0 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.2 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
สาเหตุหลักมาจาก: การเติบโตของรายได้จากศูนย์การแพทย์เฉพาะทางของโรงพยาบาลศูนย์เกษมราษฎร์ พลาสติก เซอร์เจอรี่ (KPS) คลินิกเฉพาะทางด้านเวชกรรมรังสีรักษาเกษมราษฎร์ อารี รวมถึงปัจจัยบวกจากสถานการณ์การระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่ โดยมีจำนวนผู้ป่วยเฉลี่ยในไตรมาส 1 ปี 2568 เท่ากับ 263,569 ราย เพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า จากปีก่อนส่งผลให้รายได้จากผู้ป่วยนอก (OPD) เพิ่มขึ้น ร้อยละ 4.0
กำไรก่อนต้นทุนทางการเงิน ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) อยู่ที่ 723.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้น ร้อยละ 5.5 โดยมี EBITDA margin อยู่ที่ร้อยละ 24.7 เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากปีก่อนสะท้อนถึงประสิทธิภาพในการบริหารจัดการต้นทุนยา เวชภัณฑ์ และต้นทุนการส่งต่อผู้ป่วยที่ดีขึ้น
กำไรสุทธิส่วนที่เป็นของบริษัท อยู่ที่ 321.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้น ร้อยละ 0.8 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมี อัตรากำไรสุทธิส่วนของผู้ถือหุ้นอยู่ที่ร้อยละ 11.0 ใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา
สำหรับไตรมาสที่ 1 ปี 2568 รายได้ผู้ป่วยทั่วไป เท่ากับ 1,895.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้น ร้อยละ 0.9เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยแบ่งเป็น:
รายได้จากผู้ป่วยนอก เท่ากับ 1,060.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้น ร้อยละ 4.0เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนซึ่งเป็นผลจากการเติบโตของศูนย์การแพทย์เฉพาะทาง อาทิ: ศูนย์อายุรกรรมเฉพาะทาง ศูนย์ไตเทียม ศูนย์กุมารเวช ศูนย์เกษมราษฎร์ พลาสติก เซอร์เจอรี่ (KPS) คลินิกเฉพาะทางด้านเวชกรรมรังสีรักษาเกษมราษฎร์ อารี รวมถึงบริการตรวจสุขภาพเคลื่อนที่, รถทันตกรรมเคลื่อนที่ และบริการตรวจวินิจฉัยในห้องปฏิบัติการ
ในขณะที่ รายได้จากผู้ป่วยใน เท่ากับ 835.6 ล้านบาท ลดลง ร้อยละ 2.7 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากจำนวนผู้ป่วยชาวตะวันออกกลางลดลงในช่วงเทศกาลรอมฎอนเดือนมีนาคม อย่างไรก็ตาม รายได้จากผู้ป่วยในชาวไทยและกลุ่มประเทศ CLMV ยังเติบโตได้ดี โดยเฉพาะในศูนย์การแพทย์เฉพาะทางที่มีความซับซ้อนสูง เช่น การผ่าตัดรักษาโรคหัวใจ การศัลยกรรมทั่วไป
รายได้ผู้ป่วยในโครงการประกันสังคม เท่ากับ 1,010.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้น ร้อยละ 3.7เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน สาเหตุหลักมาจาก: จำนวนผู้ประกันตนเฉลี่ยในเครือเพิ่มขึ้นเป็น 1,031,376 คน (เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.6 จาก 1,015,400 คน ในไตรมาส 1 ปี 2567) การปรับปรุงโรงพยาบาลในเครือ และการเพิ่มศูนย์เฉพาะทาง เช่น คลินิกมะเร็งรังสีรักษาเกษมราษฎร์ อารี ซึ่งช่วยเพิ่มศักยภาพในการดูแลผู้ป่วยโรคซับซ้อนได้มากยิ่งขึ้น
ต้นทุนและค่าใช้จ่ายดำเนินงานรวม: 2,463.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้น ร้อยละ 1.8 จากปีก่อน ต้นทุนกิจการโรงพยาบาล (COGS): เพิ่มขึ้น ร้อยละ 2.2สอดคล้องกับรายได้ที่เพิ่มขึ้น โดยมาจาก: ค่าธรรมเนียมแพทย์ ค่าจ้างพยาบาลและพนักงาน ต้นทุนการให้บริการของ KPS ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายจากการเปิดคลินิกใหม่ และพื้นที่ปรับปรุงของ รพ. เกษมราษฎร์ ปทุมธานี ค่าใช้จ่ายในการจัดจำหน่ายและบริหาร (SG&A): ใกล้เคียงกับปีก่อน ผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน จากการดำเนินงาน: (0.3 ล้านบาท)
ราคาหุ้นปรับตัวลดลงหลังจากฟื้นตัวไปทดสอบแนวต้านของเส้นค่าเฉลี่ย 200 วันที่ 15.50-15.80 ตามกรอบแนวโน้มขาลง ทำให้แนวโน้มในระยะสั้นยังอยู่ระหว่างการปรับฐาน โดยมีแนวรับที่ 14.50 และ 14.00 เป็นแนวรับสำคัญ แต่ถ้าราคาหุ้นสามารถทะลุผ่านแนวต้านที่ 15.80 ขึ้นไปได้ จะเป็นสัญญาณฟื้ตัวไปทดสอบแนวต้านถัดไปที่ 18.00 และ 18.60
เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา อ่านเพิ่มเติม