USDC โตแรงต่อเนื่อง! มูลค่าตลาดทะลุ 6 หมื่นล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 100% ใน 1 ปี

USDC โตแรงต่อเนื่อง! มูลค่าตลาดทะลุ 6 หมื่นล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 100% ใน 1 ปี

USD Coin (USDC) ซึ่งเป็นเหรียญ Stablecoin มูลค่าคงที่ ได้ทะลุหลัก $60 พันล้าน ในมูลค่าตลาด ถือเป็นหมุดหมายสำคัญที่แสดงให้เห็นถึงการยอมรับที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

เมื่อวันพุธที่ผ่านมา อุปทานของ USDC แตะระดับสูงสุดตลอดกาลที่ 60.2 พันล้านเหรียญ ซึ่งเพิ่มขึ้นถึง 100% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า จากเดิมที่มีอุปทานเพียง 30 พันล้านเหรียญ ในเดือนมีนาคม 2024

ขณะเดียวกัน มูลค่าตลาดรวมของ Stablecoin ก็พุ่งแตะระดับสูงสุดใหม่เช่นกัน โดยมีมูลค่าเกิน $230 พันล้าน

USDC เป็นเหรียญ Stablecoin ที่ตรึงมูลค่ากับดอลลาร์สหรัฐ ออกโดยบริษัท Circle และได้รับการสนับสนุนจากกลุ่มพันธมิตรที่รวมถึง Coinbase โดยปัจจุบัน USDC เป็น Stablecoin อันดับสองของตลาด รองจาก Tether (USDT) ซึ่งมีมูลค่าตลาดมากกว่า $144 พันล้าน

อุปทานของ USDC กระจายอยู่บนบล็อกเชนหลายเครือข่าย โดยมีการถือครองมากที่สุดบน Ethereum กว่า $36 พันล้าน รองลงมาคือ Solana $10 พันล้าน ส่วนบล็อกเชนอื่นๆ ได้แก่

Base มีอุปทาน $3.8พันล้าน

Hyperliquid มีอุปทาน $2.2พันล้าน

Arbitrum มีอุปทาน $1.8พันล้าน

Berachain มีอุปทาน $1พันล้าน

การเติบโตของ USDC นี้สะท้อนให้เห็นถึงการขยายตัวของตลาด Stablecoin และการเพิ่มขึ้นของความต้องการเหรียญดิจิทัลที่มีมูลค่าคงที่ในระบบนิเวศคริปโต

ตลอดไตรมาสแรกของปีนี้ Circle ได้สร้าง USDC จำนวนมากบน บล็อคเชน Solana โดยแบ่งเป็นหลายส่วนๆ มูลค่า 250 ล้านเหรียญ และในวันที่ 20 มีนาคม มูลค่าการสร้าง USDC บน Solana ก็ทะลุ 10,000ล้านเหรียญไปแล้ว

Circle ยังก้าวหน้าในการขยายขอบเขตของ stablecoin และปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานอีกด้วย โดยในเดือนนี้ บริษัทได้ประกาศเปิดตัว USDC อย่างเป็นทางการในญี่ปุ่นผ่านความร่วมมือกับ SBI VC Trade และยังเปิดเผยแผนการอัปเกรด bridged USDC บนบล็อคเชน Ethereum Layer 2 อย่าง Linea เป็น USDC ที่ออกโดยดั้งเดิม ซึ่งถือเป็นการเปลี่ยนผ่านจาก USDC ที่เชื่อมโยงไปสู่ดั้งเดิมครั้งแรกของอุตสาหกรรม

‍

อ้างอิง : theblock.co

ภาพ bitfinanzas.com

ที่มา - https://www.bitcoinaddict.com/news/usdc-stablecoin-supply-surpasses-all-time-high

CEO Bitget ซัด Hyperliquid เสี่ยงเป็น “FTX 2.0” หลังจัดการปัญหาตลาด JELLY พลาด

Gracy Chen CEO ของ Bitget แพลตฟอร์มเว็บเทรดคริปโต ออกมาวิจารณ์การจัดการเหตุการณ์เมื่อวันที่ 26 มีนาคมของ Hyperliquid โดยระบุว่าทำให้เครือข่ายเสี่ยงที่จะกลายเป็น “FTX 2.0”

เมื่อวันที่ 26 มีนาคม Hyperliquid ซึ่งเป็นเครือข่ายบล็อกเชนที่เน้นด้านการซื้อขาย ได้ประกาศ ถอดถอนสัญญาฟิวเจอร์สแบบ Perpetual ของโทเค็น JELLY และจะชดเชยเงินคืนให้ผู้ใช้ หลังจากพบ “หลักฐานของกิจกรรมทางการตลาดที่น่าสงสัย” ที่เกี่ยวข้องกับตราสารดังกล่าว

การตัดสินใจนี้ ซึ่งเกิดขึ้นจากมติของกลุ่มผู้ตรวจสอบ (validators) ซึ่งมีจำนวนค่อนข้างน้อย ทำให้เกิดข้อกังวลเกี่ยวกับปัญหาความเป็นศูนย์กลางของเครือข่าย Hyperliquid

Gracy Chen กล่าวถึงกรณีนี้ว่า

“แม้จะพยายามนำเสนอภาพลักษณ์ว่าเป็นกระดานเทรดแบบกระจายศูนย์ที่มีวิสัยทัศน์ก้าวหน้า แต่ความจริงแล้ว Hyperliquid ดำเนินงานเหมือนกับเว็บเทรดรวมศูนย์ที่อยู่ต่างประเทศ (offshore CEX)” พร้อมเตือนว่า "Hyperliquid อาจกำลังก้าวไปสู่การเป็น FTX 2.0"

FTX เป็นแพลตฟอร์มซื้อขายคริปโตที่ก่อตั้งโดย Sam Bankman-Fried ซึ่งล่มสลายในปี 2022 และเจ้าตัวถูกตัดสินว่ามีความผิดฐานฉ้อโกงในสหรัฐฯ

อย่างไรก็ตาม Chen ไม่ได้กล่าวหา Hyperliquid ว่ามีการกระทำผิดทางกฎหมายโดยตรง แต่เน้นย้ำว่าการจัดการของ Hyperliquid ในเหตุการณ์นี้เป็น “พฤติกรรมที่ยังไม่เป็นมืออาชีพ ไร้จรรยาบรรณ และขาดความรับผิดชอบ”

“การตัดสินใจปิดตลาด $JELLY และบังคับปิดสถานะการลงทุนในราคาที่เอื้อประโยชน์ให้บางฝ่าย เป็นแบบอย่างที่อันตราย” Chen กล่าว “ความเชื่อมั่น ไม่ใช่แค่ เงินทุน คือพื้นฐานของทุกกระดานเทรด [...] และเมื่อสูญเสียไปแล้ว มันแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะเรียกคืนกลับมา”

โทเค็น JELLY เปิดตัวในเดือนมกราคมโดยผู้ร่วมก่อตั้ง Venmo Iqram Magdon-Ismail ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโปรเจ็กต์โซเชียลมีเดีย Web3 ที่เรียกว่า JellyJelly

ในวันที่ 26 มีนาคม มูลค่าตลาดของ JELLY พุ่งสูงถึงประมาณ 25 ล้านดอลลาร์ หลังจากที่ Binance เปิดตัวสัญญาฟิวเจอร์สแบบ Perpetual ที่เชื่อมโยงกับโทเค็นดังกล่าว

ในวันเดียวกัน นักเทรดบน Hyperliquid ได้ “เปิด short position ครั้งใหญ่มูลค่า 6 ล้านดอลลาร์บน JellyJelly” จากนั้น “ก็ทำการชำระบัญชีด้วยตัวเองโดยปั๊มราคาของ JellyJelly บนเครือข่าย” Abhi ผู้ก่อตั้ง AP Collective บริษัท Web3 กล่าวในโพสต์ X

‍

อ้างอิง : cointelegraph.com

ที่มา - https://www.bitcoinaddict.com/news/bitget-ceo-slams-hyperliquid-jelly-perps-delisting

ETH กลับมายืนเหนือ $2,000! พร้อมปัจจัยสำคัญ 3 ประการช่วยลุ้นทะยานสู่ $2,500

ราคา Ether กลับมายืนเหนือระดับ 2,000 ดอลลาร์ได้อีกครั้งเมื่อวันที่ 24 มีนาคม แต่ยังคงต่ำกว่าระดับ 2,500 ดอลลาร์เมื่อ 3 สัปดาห์ก่อนถึง 18% โดยข้อมูลแสดงให้เห็นว่า Ether มีผลงานด้อยกว่าตลาด altcoin ถึง 14% ในช่วง 30 วันที่ผ่านมา ทำให้นักเทรดเกิดคำถามว่า altcoin จะกลับมามีโมเมนตัมขาขึ้นได้หรือไม่ และปัจจัยใดบ้างที่อาจผลักดันให้แนวโน้มกลับตัว

Ethereum ดูเหมือนจะอยู่ในตำแหน่งที่ดีในการดึงดูดความต้องการของสถาบันและลด FUD ลงอย่างมาก ซึ่งจำกัดศักยภาพในการเติบโต โดยนักวิจารณ์ได้โต้แย้งกันมานานแล้วว่าระบบนิเวศ Ethereum ยังคงตามหลังคู่แข่งในด้านประสบการณ์ผู้ใช้โดยรวม และยังคงมีความสามารถในการปรับขนาดชั้นพื้นฐานที่จำกัด ซึ่งส่งผลกระทบเชิงลบต่อค่าธรรมเนียมเครือข่ายและประสิทธิภาพในการทำธุรกรรม

การอัพเกรด Ethereum Pectra จะมีผลกระทบต่อราคา ETH หรือไม่?

ความท้าทายหลายอย่างของเครือข่าย Ethereum คาดว่าจะได้รับการแก้ไขในการอัปเกรดเครือข่าย Pectra ซึ่งมีกำหนดในช่วงปลายเดือนเมษายนหรือต้นเดือนมิถุนายน การเปลี่ยนแปลงที่เสนอรวมถึงการเพิ่มขนาดข้อมูลที่สามารถรวมในแต่ละบล็อกเป็นสองเท่า ซึ่งจะช่วยลดค่าธรรมเนียมสำหรับโรลอัปและกลไกที่เน้นความเป็นส่วนตัว นอกจากนี้ ต้นทุนของ call data จะเพิ่มขึ้น ซึ่งจะกระตุ้นให้นักพัฒนาหันมาใช้ blobs ซึ่งเป็นวิธีการจัดเก็บข้อมูลที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น

อีกหนึ่งการปรับปรุงที่สำคัญในการอัปเกรดครั้งนี้คือการเปิดตัว Smart Accounts ซึ่งช่วยให้กระเป๋าเงินทำงานเหมือนสัญญาอัจฉริยะระหว่างการทำธุรกรรม ฟีเจอร์นี้จะช่วยให้สามารถสนับสนุนค่าธรรมเนียมแก๊ส (Gas Fee Sponsorship) ใช้ Passkey Authentication และทำธุรกรรมแบบ Batch Transactions ได้ในคราวเดียว นอกจากนี้ การอัปเกรดยังมุ่งเน้นไปที่การปรับปรุงการฝากและถอนสเตก (staking) ให้มีความยืดหยุ่นมากขึ้น และขยายประวัติบล็อกสำหรับสัญญาอัจฉริยะที่ต้องใช้ข้อมูลย้อนหลัง

การเติบโตของ Ethereum TVL และอุปทาน ETH ที่ลดลงบนเว็บเทรด

เครือข่าย Ethereum มีมูลค่ารวมที่ถูกล็อก (TVL) อยู่ที่ 52,500 ล้านดอลลาร์ ซึ่งแซงหน้าเครือข่าย Solana ที่มี 7,000 ล้านดอลลาร์อย่างมาก ที่สำคัญกว่านั้น เงินฝากในเครือข่าย Ethereum เพิ่มขึ้น 10% ในช่วง 30 วันที่ผ่านมา โดยแตะระดับ 25.4 ล้าน ETH ขณะที่ Solana ลดลง 8% ในช่วงเวลาเดียวกัน ไฮไลท์ที่น่าสนใจของ Ethereum ได้แก่ Sky (เดิมชื่อ Maker) ซึ่งเงินฝากเพิ่มขึ้น 17% และ Ethena ซึ่ง TVL เพิ่มขึ้น 38% ใน 30 วัน

ยอดคงเหลือของ ETH บนกระดาน เว็บเทรด ที่มา: Glassnode

อุปทาน Ether บนกระดานเว็บเทรดอยู่ที่ 16.9 ล้าน ETH เมื่อวันที่ 25 มีนาคม ซึ่งสูงกว่าระดับต่ำสุดในรอบ 5 ปีที่ 16.32 ล้าน ETH เพียง 3.5% ตามข้อมูลของ Glassnode แนวโน้มนี้บ่งชี้ว่านักลงทุนกำลังถอนตัวออกจากกระดานเว็บเทรด ในทำนองเดียวกัน กระแสเงินไหลเข้าสู่ ETF Ether แบบสปอตยังคงค่อนข้างเงียบเมื่อวันที่ 24 มีนาคมและ 25 มีนาคม ตรงกันข้ามกับกระแสเงินไหลออกสุทธิ 316 ล้านดอลลาร์ที่สะสมตั้งแต่วันที่ 10 มีนาคม

และสุดท้าย เครือข่าย Ethereum กำลังได้รับความนิยมในอุตสาหกรรม Real World Asset (RWA) โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่กองทุน BlackRock BUILD ที่มีมูลค่าตามราคาตลาดเกิน 1.5 พันล้านดอลลาร์ ระบบนิเวศของ Ethereum ซึ่งรวมถึงโซลูชันการปรับขยายระดับเลเยอร์ 2 คิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 80% ของตลาดนี้ ตามข้อมูลของ RWA.XYZ ซึ่งเน้นย้ำถึงความโดดเด่นของ Ethereum ในพื้นที่การเงินแบบกระจายอำนาจ (DeFi)

‍

อ้างอิง : cointelegraph.com

ภาพ legalexaminer.com

ที่มา - https://www.bitcoinaddict.com/news/ethereum-s-eth-path-back-to-2-5-k-depends-on-3-key-factors