GULF ประชุมนักวิเคราะห์ โบรกมองเชิงบวก

#GULF #ทันหุ้น – GULF จัดประชุมนักวิเคราะห์เมื่อวันที่ 20 พ.ย. ที่ผ่านมา โบรกเกอร์มีมุมมองเชิงบวกต่อแนวโน้มธุรกิจ ในขณะที่ราคาหุ้น GULF ขึ้นมาค่อนข้างใกล้เคียงราคาเหมาะสมที่โบรกเกอร์ให้ไว้ โบรกเกอร์ออกบทวิเคราะห์วันที่ 21 พ.ย.มีมุมมองดังนี้

บล.กสิกรไทย : ยังคงอยู่ในวิถีการเติบโต

GULF ยังคงมุ่งเน้นพลังงานหมุนเวียนในประเทศและโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ โดยมีการเติบโตระยะยาวจากพลังน้ำและอยู่ในตำแหน่งที่แข่งขันได้ในการประมูลพลังงานหมุนเวียนในอนาคต

ธุรกิจศูนย์ข้อมูลของ GULF จะเปิดตัวเฟสแรก(25 MW) ในต้นปี 2568 โดยมีแผนขยายขนาดเป็น 100 MW เพื่อตอบสนองอุปสงค์เทคโนโลยีขั้นสูง

บล.กสิกรไทยคงคำแนะนำ "ถือ"ด้วยราคาเหมาะสมที่ 64.50 บาท เนื่องจากมูลค่าหุ้นที่ค่อนข้างสูง แม้ยังคงมุมมองเชิงบวกต่อแนวโน้มระยะยาวของ GULF

บล.แลนด์แอนด์เฮ้าส์ : เตรียมพร้อมเติบโตหลังการควบบริษัท

GULF มีแผนจัดโครงสร้างธุรกิจหลังการควบบริษัท เป็น 3 กลุ่มธุรกิจ คือ ไฟฟ้าดิจิทัล และโครงสร้างพื้นฐานเพื่อสร้างการเติบโตและผลักดันให้ ROE เพิ่มขึ้นหลังถูกกระทบจากฐานทุนที่ใหญ่ขึ้น

คาดว่ากําไรปกติไตรมาส 4/67 และไตรมาส 1/68 ทําสถิติสูงสุดใหม่ได้ต่อเนื่องหนุนโดยการ COD โครงการ GPD หน่วยที่ 4 เต็มไตรมาสและหินกอง หน่วยที่ 2 และโครงการ RE ในไตรมาส 1/68

บล.แลนด์แอนด์เฮ้าส์คงคําแนะนํา “ซื้อเก็งกําไร” จากภาพการเติบโตมีความชัดเจน แต่ราคาอยู่ในโซนแพงและสะท้อนประเด็นบวกจากการควบบริษัทไปมากแล้ว

บล.หยวนต้า : สรุปสาระสำคัญจากการประชุมนักวิเคราะห์

วานนี้ (20 พ.ย.) เราได้เข้าร่วมประชุมกับผู้บริหารและมีมุมมองเป็น โดยมีสาระสำคัญดังนี้

ผู้บริหารคาดโครงการลมที่ได้รับคัดเลือกในรอบการรับซื้อพลังงานหมุนเวียน 5.2GW จะสามารถลงนามในสัญญา PPA ได้ภายในช่วง 1 เดือนข้างหน้า ขณะที่การเปิดรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนส่วนขยาย 2.2GW (การรับซื้อรอบที่ 2.1) ปัจจุบันได้มีการเปิดเผยรายชื่อผู้มีสิทธิเข้าร่วมแล้ว และคาดมีการประกาศรายชื่อผู้ได้รับคัดเลือกภายในช่วง 1-2 เดือนข้างหน้าเป็นอย่างเร็ว ก่อนจะลงนามในสัญญา PPA ราว 2-3เดือนภายหลังการประกาศผลการคัดเลือก

ปัจจุบันสงครามการค้าที่รุนแรงขึ้นส่งผลให้ต้นทุนแผงพลังงานแสงอาทิตย์ (Solar PV) ลดลงมาอยู่ที่ราว 0.09 ดอลลาร์สหรัฐฯ/W (ราว 9.0หมื่นดอลลาร์สหรัฐฯ/MW หรือราว 3.2ล้านบาท/MW) ลดลงจาก 0.24ดอลลาร์สหรัฐฯ/W (ราว 2.4แสนดอลลาร์สหรัฐฯ/MW หรือราว8.4ล้านบาท/MW) อย่างมนัยสำคัญ ส่งผลให้เงินลงทุนของโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ในไทยลดลงมาอยู่ที่เพียง 20-25 ล้านบาท/MW (เดิมอยู่ที่ราว 30 ล้านบาท +/-)

สำหรับการเติบโตของธุรกิจโรงไฟฟ้าในระยะถัดไป ผู้บริหารยังคงมองว่าจะสามารถเติบโตได้ทั้งธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนและโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ โดยโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนจะเติบโตตามกระแส Decarbonization ทั่วโลก ขณะที่โรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติจะยังคงเติบโตได้เพราะเป็นโรงไฟฟ้าที่มีการปล่อยคาร์บอนน้อยที่สุดในกลุ่มเชื้อเพลิงฟอสซิลและสามารถใช้เพิ่มความมั่นคงให้กับระบบไฟฟ้าได้

ผู้บริหารได้มีการให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับธุรกิจ Data Center โดยระบุว่า Occupancy Rate ที่จะทำให้ธุรกิจดังกล่าวไม่มีผลขาดทุนคือที่ระดับ 60% ขึ้นไป ซึ่งบริษัทคาดว่าจะสามารถ Ramp Up ขึ้นไปสูงกว่าระดับดังกล่าวได้ภายในปีแรก และมี Occupancy Rate ที่ระดับ 90%ได้ในระยะยาว

สำหรับการเติบโตของธุรกิจ Data Center ในอนาคต บริษัทฯ วางเป้าหมายการเพิ่มความสามารถในการเก็บข้อมูลของธุรกิจดังกล่าวขึ้นเป็นไม่ต่ำกว่า 100MW ภายในช่วง 3 ปีข้างหน้า (ปัจจุบันอยู่ระหว่างการศึกษาเพื่อหาที่ดินสำหรับลงทุนสร้าง Data Center เพิ่มเติมเติมอีกราว 2 แห่ง แห่งละ 50 MW) นอกจากนี้ในระยะยาวบริษัทฯ มีโอกาสที่จะลงทุนและเป็นเจ้าของ Data Center เองทั้ง 100% (ปัจจุบันลงทุนร่วมกับ ADVANC และ Singtel)

บริษัทฯ อยู่ระหว่างการพิจารณาความเป็นไปได้เกี่ยวกับการเข้าลงทุนในโครงการ LNG Liquefaction (การเปลี่ยนก๊าซธรรมชาติให้เป็นของเหลว) เพื่อนำมาสนับสนุนธุรกิจนำเข้า LNG ของบริษัทฯ ในอนาคต

บล.หยวนต้าคงราคาเหมาะสม GULF ณ สิ้นปี 2568 ที่ 63.75บาท/หุ้น มี Upside จากราคาปัจจุบันเพียง 0.4% จึงคงคำแนะนำ "Trading" โดยนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูง อาจเลือกใช้ Swap Ratio ระหว่าง GULF-INTUCH ในการเปรียบเทียบหุ้นเพื่อหาจังหวะในการเข้าเก็งกำไรก่อนการควบรวม (เบื้องต้นคาดการควบรวมจะเสร็จสิ้นในช่วงต้นไตรมาส 2/68)

บล.กรุงศรี : คาดเติบโตต่อเนื่องระยะยาว

หลังจากการประชุมนักวิเคราะห์กับ GULF เรามีมุมมองบวก เราคาดว่า GULF จะมีแนวโน้มการเติบโตของกำไร 2-year (2567-69) Cagr อยู่ที่ 15%แต่หากรวมการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากการถือ ADVANC 40.44% ในปี 2568 เป็นต้นไป จะทำให้กำไร 2-year (2567-69) Cagr เติบโตถึงเกือบ 20% ต่อปี นอกจากนี้ยังมี upside จากกำลังการผลิตที่จะเพิ่มขึ้น จากการประมูลพลังงานหมุนเวียนรอบ 2 และ PDP2567, การนำเข้า LNG เพิ่มขึ้นที่จะทำให้บริษัทมีกำไรจาก shipping fee ประมาณ 500-600 ล้านบาทต่อปี และแผนขยาย Data Center ไปถึงอย่างต่ำ 100 MW ภายใน 3 ปี เราคงประมาณการกำไรและยืนยันคำแนะนำ Trading Buy โดยคงราคาเป้าหมายที่ 60.25 บาท

บล.ดาโอ : ธุรกิจมีพัฒนาการที่ดีตามแผน

เราคงคำแนะนำ "ถือ" และราคาเป้าหมายที่ 65.00 บาททั้งนี้ เรามีมุมมองเป็นกลางจากงาน Analyst Meeting เมื่อ 20 พ.ย. 2567 หลังธุรกิจมีพัฒนาการที่ดีตามแผน โดยสรุปประเด็นดังนี้ 1) Amalgamation กับ INTUCH ยังคงดำเนินการตามขั้นตอน โดยยังคง timeline เดิม NewCo เข้าเทรดช่วงครึ่งปีแรก 2568 2) ธุรกิจ LNG อยู่ระหว่างพิจารณาลงทุนในธุรกิจต้นน้ำมากขึ้น เพื่อให้มีมาร์จิ้นที่ดีขึ้น

อย่างไรก็ตามรอความชัดเจนและรายละเอียดอีกครั้ง 3) Data center เฟสแรก 25 MW สามามารถขยายในพื้นที่เดียวกันได้อีก 25 MW อย่างไรก็ตามมีการมองหาพื้นที่ใหม่เพื่อพัฒนาเฟสถัดไปอีก 50 MW หากมีความต้องการเพิ่มขึ้น 4) ในช่วง 2-3 ปีข้างหน้าคาดว่าการเติบโตจะมาจากโครงการในประเทศเป็นหลัก โดยเฉพาะในส่วนของ renewable energy โดยเบื้องต้นเรายังคงประมาณการกำไรปกติปี 2568 ที่ 1.9 หมื่นล้านบาท (20% YoY) แนวโน้มไตรมาส 4/67 คาดกำไรอยู่ระดับใกล้เคียง QoQ แม้มีปัจจัยฤดูกาลโรงไฟฟ้าผลิตไฟฟ้าน้อยลงแต่คาดได้รับเชยจากโรงไฟฟ้า GPD (unit – 663 MW COD ไตรมาส 4/67) และผลประกอบการของ INTUCH ที่ดีขึ้นจาก ADVANC ช่วยประคอง

ราคาหุ้น outperform SET ราว +48% ในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา จากประเด็นการจัดโครงสร้างการลงทุนของกลุ่ม ทำให้เกิด amalgamation GULF + INTUCH อย่างไรก็ตามคาดว่าราคาหุ้นสะท้อนประเด็นดังกล่าวไปมาก และปัจจุบันเทรดที่ราคา premium ค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับการเติบโตที่ตลาดประเมิน (2568 PER 37X ในขณะที่ consensus ประเมินการเติบโตราว 18% ในปี 2568) จึงคงคำแนะนำ "ถือ"

บล.บัวหลวง : ประเด็นสำคัญจากการประชุม เป็นไปในในโทนบวกสอดคล้องกับมุมมองของเรา

Renewable จะยังเป็น growth engine หลักในอีก 10 ปีต่อจากนี้ โดย PDP ใหม่ อาจต้องการสูงถึง 30GW

GULF อาจต่อยอดธุรกิจ LNG ในการซื้อเรือ และแหล่งก๊าซ (ในปริมาณไม่เกิน demand ภายในของบริษัทฯ)

ธุรกิจ Data center ในอีก 2-3 ปีอาจเห็น 100-200MW

เรายังคงคําแนะนํา "ซื้อ" ราคาเป้าหมาย 75 บาท