#BTS #ทันหุ้น – ภายหลังจาก BTS จัดประชุมนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กรุงศรี และบล.เคจีไอมีมุมมองในเชิงบวกต่ออนาคตของธุรกิจ
บล.กรุงศรี : ไม่แพง
บล.กรุงศรีคงคำแนะนำให้ซื้อ BTS แต่ปรับลดราคาเป้าหมายลงเหลือ 5.59 บาท จากเดิม 6.40 บาท เพื่อสะท้อนการปรับลดประมาณการกำไร ซึ่งมาจากผลขาดทุนที่เพิ่มขึ้นจากสายสีชมพูและสายสีเหลือง จากประมาณการใหม่ เราคาดว่า BTS จะมีผลขาดทุนสูงสุดที่ 1.29 พันล้านบาทในปี 2568 ก่อนจะดีขึ้นจนกลับมาเป็นจุดคุ้มทุนในปี 2569 โดยได้รับแรงหนุนจากการฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไปของสายสีชมพูและสายสีเหลือง รวมถึงผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นของ RABBIT ราคาหุ้น BTS ปัจจุบันซื้อขายต่ำกว่าค่าเฉลี่ยเบี่ยงเบนมาตรฐานของมูลค่าหุ้น (PBV) ที่ระดับ 2 เท่า
มีทั้งปัจจัยลบและบวกจากการประชุม
บล.กรุงศรีเข้าประชุม BTS และโทนการประชุมมีทั้งปัจจัยลบและบวกเกี่ยวกับแนวโน้มในช่วงที่เหลือของปีนี้ สรุปใจความสำคัญการประชุมดังนี้ 1. ผลการดำเนินงานของบริษัทร่วมเริ่มฟื้นตัวไตรมาส 1 ปี 2568 โดยมีกำไร 199 ลบ. จากที่ขาดทุน 50-200 ลบ. ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นผลมาจากการไม่ต้องรับรู้ผลขาดทุนใน KEX และการฟื้นตัวของธุรกิจ RABBIT 2. ค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยมีแนวโน้มลดลง เนื่องจากบริษัทจะทยอยชำระหนี้ด้วยเงินสด 2.3 หมื่นลบ. ที่ได้มาจากงานก่อสร้างและบำรุงรักษา (E&M) อย่างไรก็ตาม 3.สายสีชมพูและสายสีเหลืองยังคงขาดทุนจำนวนมากตั้งแต่ไตรมาส 3 ปี 2568 และยังไม่เห็นจุดกลับตัวอย่างน้อยภายในปีนี้ ภาษีเป็นภาระสำหรับ BTS แม้จะรายงานขาดทุน
ปรับประมาณการกำไรปี 2568 และ 2569 ลง
บล.กรุงศรีปรับลดประมาณการกำไรสุทธิปีงบประมาณ 2568 ลงเป็นขาดทุน 1.29 พันลบ. จากเดิมที่คาดว่าจะกำไร 1.3 พันลบ. และปรับลดประมาณการกำไรสุทธิปี ปี 2569 ลงเหลือ 9 ลบ. จากเดิมที่คาดว่าจะกำไร 1.7 พันลบ. เพื่อสะท้อนผลขาดทุนที่เพิ่มขึ้นจากสายสีชมพูและสายสีเหลือง และค่าใช้จ่ายภาษีที่สูงขึ้น จากประมาณการใหม่ เราคาดว่าผลประกอบการจะแตะจุดต่ำสุดในปี 2568 ก่อนที่จะกลับมาเป็นจุดคุ้มทุนในปี 2569 โดยปัจจัยหลักที่ทำให้ผลประกอบการฟื้นตัวในปี 2569 มาจากผลขาดทุนจากสายสีชมพูและสายสีเหลืองที่ลดลง จากจำนวนผู้โดยสารที่ทยอยฟื้นตัว และรายได้จากบริษัทย่อยที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากธุรกิจ RABBIT
บล.กรุงศรี ยังแนะนำซื้อ แต่ปรับราคาเป้าหมายลงมาที่ 5.59 บาท จาก 6.40 บาท
เรายังคงแนะนำให้ซื้อหุ้น BTS แต่ปรับลดราคาเป้าหมายตามวิธีรวมมูลค่าส่วนประกอบ(SOTP) ลงเหลือ 5.59 บาท จากเดิม 6.40 บาท เพื่อสะท้อนการปรับลดประมาณการกำไร จากสายสีชมพูและสายสีเหลือง ราคาหุ้นปัจจุบันเทียบกับมูลค่าหุ้น (PBV) ปี 2565 อยู่ที่ 1.2 เท่าถือว่าไม่แพงเมื่อเทือบกับค่าเฉลี่ยลบ 2 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานที่ระดับ 1.4 เท่า
บล.เคจีไอ : มีความหวังทางบวก
ภาพหลักของผลการดำเนินงาน BTS ใน 1Q68 คือผลขาดทุนสุทธิลดลง YoY เพราะผลขาดทุนจากการลงทุนลดลง ส่วนนโยบายของรัฐบาลที่จะลดราคาตั๋วโดยสารรถไฟฟ้าเหลือ 20 บาท/เที่ยว เราเห็นด้วยกับมุมมองของบริษัทว่า นโยบายนี้สามารถดำเนินการได้โดย i) รัฐบาลให้เงินอุดหนุนส่วนต่างระหว่างค่าโดยสารตามจริงและค่าโดยสารตามนโยบายรัฐบาล ii) แก้ไขสัญญาสัมปทาน เรายังคงคำแนะนำถือ BTS โดยประเมินราคาเป้าหมาย SOTP ปี 2568 ที่ 5.60 บาท
Event
ประชุมนักวิเคราะห์หลังส่งงบ 1Q68 (เมษายน-มิถุนายน 2567)
Impact
ประเด็นสำคัญที่น่าสนใจจากการประชุมนักวิเคราะหลังส่งงบ 1Q68 BTS จัดประชุมนักวิเคราะห์เมื่อวานนี้เพื่อชี้แจงผลประกอบการ และอธิบายถึงแนวโน้มธุรกิจของบริษัทโดยประเด็นสำคัญที่น่าสนใจมีดังนี้
ผลขาดทุนจากการลงทุนลดลง ภาพหลักของผลการดำเนินงาน BTS ใน 1Q68 คือผลขาดทุนสุทธิลดลง YoY เพราะไม่ต้องรับรู้ผลขาดทุนจากการด้อยค่าที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียวจากการลงทุนของ RABBIT ใน Singer Thailand PCL (SINGER) อีก (i) การลงทุนในบริษัทร่วมJVs พลิกเป็นมีกำไร (สาเหตุหลักเป็นเพราะไม่ต้องรับรู้ส่วนแบ่งผลขาดทุนจากการดำเนินงานของ Kerry Express (Thailand) (KEX) และส่วนแบ่งกำไรจากการลงทุนใน Jaymart Group Holdings (IMART)) เราคิดว่าผลกระทบในเชิงลบจากการลงทุนของ BTS น่าจะอยู่ในวงจำกัดหลังจากที่ขาย KEX ออกไปแล้ว
หนี้ค้างรับที่เกี่ยวข้องกับ กทม. ศาลตัดสินให้ BTS ชนะติดต่อกัน 2 คดีในส่วนที่เกี่ยวกับหนี้ค้างรับของกทม. และกรุงเทพธนาคม ซึ่งมีมูลหนี้ 2.3 หมื่นล้านบาท (งาน E&M) และ 1.175 หมื่นล้านบาท (งาน ORM) จากการจ้างให้ BTS เดินรถไฟฟ้า และซ่อมบำรุงรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายทั้งสองส่วน
ทั้งนี้ บริษัทได้รับชำระเงิน 2.3 หมื่นล้านบาทเรียบร้อยแล้วในเดือนมีนาคม ส่วนหนี้ที่เกินกำหนดชำระอีก 1.175 หมื่นล้านบาทน่าจะได้รับชำระครบภายใน 140 วัน ซึ่งจะทำให้ BTS มีสภาพคล่องเพิ่มขึ้นจากการที่ภาระหนี้ และค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยลดลงใน 2H67
นโยบายของรัฐบาลที่จะกำหนดค่าตั๋วที่ 20 บาท/เที่ยวจากนโยบายของรัฐบาลที่จะลดราคาตัวโดยสารรถไฟฟ้าเหลือ 20 บาท/เที่ยว เราเห็นด้วยกับมุมมองของบริษัทว่านโยบายนี้สามารถดำเนินการได้โดย i) รัฐบาลให้เงินอุดหนุนส่วนต่างระหว่างค่าโดยสารตามจริงและค่าโดยสารตามนโยบายรัฐบาล ii) แก้ไขสัญญาสัมปทาน ซึ่งเราพบว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีการพูดคุยประเด็นดังกล่าวร่วมกัน
Rabbit Holdings (RABBIT) จะเพิ่มบริการทางการเงิน RABBIT ตั้งเป้าจะเพิ่มสัดส่วนรายได้จากบริการทางการเงินเป็น >50% ในอีกสามปีข้างหน้า จากปัจจุบันที่ 30% ของรายได้รวม โดยอีก 70% มาจากอสังหาริมทรัพย์ ทั้งนี้ ผู้บริหารตั้งเป้าจะขายสินทรัพธ์ในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์บางส่วนออกไปในอนาคต โดยให้ผลตอบแทนที่เป็นบวกกับบริษัท
คาดว่า BTS กับ กทม. จะเจรจากันเพื่อขยายสัมปทานสายสีเขียว
ในส่วนหนี้ค้างรับก้อนใหญ่ของ กทม. เรายังคงคาดว่า กทม. จะเจรจากับ BTS เพื่อขยายสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียวซึ่งจะสิ้นสุดในปี 2572
Valuation & action
เรายังคงคำแนะนำ “ถือ” BTS โดยประเมินราคาเป่าหมาย SOTP ปี 2568 (เมษายน 2567-มีนาคม 2568) ที่ 5.60 บาท
Risks
COVID-19 ระบาด, เศรษฐกิจฟื้นตัวช้ากว่าที่คาดไว้ และ ความขัดแย้งทางการเมือง
ทันเกม รู้ก่อนใคร ติดตาม "ทันหุ้น" ได้ทุกช่องทางเหล่านี้
YOUTUBE คลิก https://www.youtube.com/c/ThunhoonOfficial
FACEBOOK คลิก https://www.facebook.com/Thunhoonofficial/
Tiktok คลิก https://www.tiktok.com/@thunhoon_/
TELEGRAM คลิก https://t.me/thunhoon_news
Twitter คลิก https://twitter.com/thunhoon1
Instagram คลิก https://instagram.com/thunhoon.news?/
เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา อ่านเพิ่มเติม