#KWM #ทันหุ้น – KWM ธุรกิจโค้งแรกสดใส ยอดขายสินค้าเกษตรเติบโต 15% เล็งปรับปรุงเครื่องจักร ดันยอดผลิตชน 6 หมื่นใบ จากเดิมที่ 4 หมื่นใบ ด้านบิ๊กบอส “เอกพันธ์ วนโกสุม” เล็งบุ๊กรายได้ธุรกิจโรงสกัด Q3/2567 พร้อมเปิดกระเป๋ารับทรัพย์ 20 ล้านบาท

นายเอกพันธ์  วนโกสุม  ประธานกรรมการบริหาร บมจ.เค.ดับบลิว.เม็ททัล เวิร์ค หรือ KWM และในฐานะประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เคดับบลิวเอชบี จำกัด หรือ KWHB ซึ่งดำเนินธุรกิจสกัดสารสำคัญจากพืชสมุนไพรไทยรวมถึงการผลิตและจัดจำหน่ายสินค้าจากพืชสมุนไพร เปิดเผยว่า แนวโน้มธุรกิจไตรมาส 1/2567 บริษัทขายสินค้าได้ค่อนข้างดี ทั้งสินค้าที่ขายให้กลุ่มบริษัท สยามคูโบต้า คอร์ปอเรชั่น จำกัด (บริษัทคูโบต้า) และนอกกลุ่มคูโบต้า ซึ่งบริษัทผลิตและขายภายใต้แบรนด์สินค้า “Pegasus” ทั้งใบจักร ใบผาล ใบคัดท้าย ใบดันดิน ใบเกลียวลำเลียง ซึ่งสินค้าที่บริษัทผลิตเอง

** ยอดขายโต 15%

โดยยอดขายทั้งของกลุ่มคูโบต้าเติบโตราว 15% ส่วนนอกกลุ่มคูโบต้าเติบโตสูงที่ระดับ 25-30% และมีอัตราการทำกำไร (มาร์จิ้น) สูง ทั้งนี้ยอดขายนอกกลุ่มคูโบต้าเติบโตสูง บริษัทจึงมีแผนปรับปรุงกำลังการผลิต เพื่อสร้างคุณภาพ และยอดกำลังผลิตให้สูงขึ้น โดยจะเพิ่มเครื่องจักรโรบอท ให้ผลิตสินค้าให้มากขึ้น คาดกำลังผลิตสินค้าจะเพิ่มขึ้นเป็น 5-6 หมื่นใบ จากเดิมที่ 3-4 หมื่นใบ

นอกจากนี้บริษัทได้ขยายตลาด โดยการไปเปิดตลาดต่างประเทศ เวียดนาม ซึ่งเป็นประเทศล่าสุด โดยมีคำสั่งซื้อ (ออเดอร์) สั่งมาอีกจำนวน 2 พันใบ หรือมีออเดอร์เข้ามาประมาณ 2 ตู้คอนเทนเนอร์ ส่วนตลาดที่ สปป.ลาว บริษัทมีลูกค้าลูกค้าเดิมเข้ามาอย่างต่อเนื่อง

บริษัทวางแผนงานเพิ่มเติม โดยเดินทางจะไปเจรจากับซัพพลายเออร์ประเทศจีน เพื่อนำเหล็กรุ่นใหม่มาผลิตเป็นใบผลาญอีกระดับหรืออีกรุ่นหนึ่ง คาดจะเริ่มลงทุนตลาดในปีหน้า (ปี 2568) เป็นต้นไป โดยเหล็กรุ่นใหม่จะมีคุณภาพกว่าเดิม โดยบริษัทจะเริ่มนำเหล็กใหม่เข้ามาทดสอบในช่วงต่อจากนี้ ประกอบกับการเปลี่ยนรุ่นใหม่จะช่วยควบคุมซัพพลายเออร์ให้ส่งเหล็กให้บริษัทได้อย่างต่อเนื่อง

** มาร์จิ้นสูงขึ้น

บริษัทมองการควบคุมซัพพลายเออร์ในการส่งสินค้าเป็นเรื่องสำคัญ อีกทั้งบริษัทสั่งซื้อวัตถุดิบเป็นจำนวนมาก หรืออยู่ในปริมาณ 400-500 ตัน และไม่มีคู่แข่งที่มีซื้อวัตถุดิบในสเกลนี้ โดยการซื้อวัตถุดิบกับซัพพลายเออร์รายนี้จะช่วยให้สเป็กการผลิตสินค้าตรงกับลูกค้ายุโรป หรือเป็นสินค้าเหล็กนวัตกรรม คาดจะช่วยเสริมคุณภาพของวัตถุดิบให้ตรงความต้องการของลูกค้า

นายเอกพันธ์ กล่าวต่อว่า บริษัทได้เปิดดำเนินการกระบวนการผลิตเชิงพาณิชย์เพื่อสกัดสารสำคัญจากพืชสมุนไพรไทยในวันที่ 14 มีนาคม 2567 ที่ผ่านมา เพื่อดำเนินการผลิตสกัดสมุนไพรไทย โดยในระยะแรกโรงสกัดมีขนาดกำลังการผลิตจะอยู่ที่ 200 กิโลกรัมต่อวัน

โดยความโดดเด่นของโรงสกัดพืชสมุนไพร KWHB นั้น บริษัทได้นำนวัตกรรมเทคโนโลยีเครื่องจักรที่สามารถสกัดสารระดับนาโน (Nano) ซึ่งเป็นระดับที่เล็กมากส่งผลให้การดูดซึมสารสำคัญในระดับเซลล์ทำได้ดีขึ้น การออกฤทธิ์อาจมีความสามารถเทียบเท่ายาเคมีแผนปัจจุบัน และเครื่องจักรดังกล่าวนี้ใช้ระบบอุลตร้าโซนิคไดนามิกเป็นเครื่องแรกของโลก โดยทาง สวทช.ได้ส่งไปตรวจยืนยันกับสิทธิบัตรโลกแล้วว่าเครื่องอุลตร้าโซนิคไดนามิกนี้ มีสาระสำคัญถึง 6 ประการที่ไม่มีใครคิดและเคยผลิตมาก่อนจึงถือว่าเป็นนวัตกรรมใหม่ของโลกที่วิจัยและพัฒนาโดยคนไทยจนประสบความสำเร็จ

คาดในปี 2567 จะมีรายได้จากสกัดสารสำคัญจากพืชสมุนไพรไทยเข้ามาประมาณ 20 ล้านบาท โดยจะเริ่มเห็นตั้งแต่ปลายไตรมาส 2/2567 และชัดเจนมากขึ้นตั้งแต่ไตรมาส 3/2567 เป็นต้นไป และเชื่อว่าธุรกิจสกัดสารสมุนไพนไทยจะช่วยผลักดันอัตราการทำกำไร (มาร์จิ้น) ให้เพิ่มขึ้น เนื่องจากธุรกิจสักดสารสุมนไพรมีมาร์จิ้นสูง

รู้ทันเกม รู้ก่อนใคร ติดตาม "ทันหุ้น" ได้ทุกช่องทางเหล่านี้

YOUTUBE คลิก https://www.youtube.com/c/ThunhoonOfficial

FACEBOOK คลิก https://www.facebook.com/Thunhoonofficial/

Tiktok คลิก https://www.tiktok.com/@thunhoon_

TELEGRAM คลิก https://t.me/thunhoon_news

X คลิก https://twitter.com/thunhoon1

Instagram คลิก https://instagram.com/thunhoon.news?igshid=YTY2NzY3YTc=