#ASIAN #ทันหุ้น - ASIAN ส่งซิกผลงานไตรมาส 4/2566ขยายตัวดีกว่าไตรมาสก่อนหน้า หลังคำสั่งซื้อใหม่ในอาหารสัตว์เลี้ยง-ทูน่า-อาหารสัตว์น้ำ เข้ามาเติมพอร์ตเพิ่มอย่างต่อเนื่อง ขณะที่อาหารทะเลแช่แข็งยังไม่กระเตื้อง รับยอดขายปี 2566 หดตัวลงที่ 9.7พันล้านบาท วางเป้าคงอัตรากำไรขั้นต้นทั้งปี 2566 เหนือระดับ 12-13%
นายเอกกมล ประสพผลสุจริต ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายการเงิน บริษัท เอเชี่ยนซี คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ASIAN เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานรวมในปี 2566 ต้องยอมรับว่าอาจมีการปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ระดับประมาณ 9,700 ล้านบาท หดตัวจากเมื่อเทียบกับปี 2565 ที่ระดับ 11,282.08 ล้านบาท โดยในช่วง 9เดือนแรกของปีนี้บริษัทมีรายจากการขายแล้วที่ระดับ 7,216.69ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนราว 74% ของเป้าหมายปีนี้ที่วางไว้
*แรงส่งโค้งท้าย
ทั้งนี้ บริษัทวางเป้าหมายยอดขายในแต่ละธุรกิจไว้ แบ่งออกเป็นธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยง (Pet Food) ที่ 4,400 ล้านบาท ลดลงจากเป้าหมายเดิมในช่วงกลางปีที่ 5,400ล้านบาท ธุรกิจทูน่า (Tuna) 1,100 ล้านบาท ธุรกิจอาหารทะเลแช่แข็ง (Frozen Food) 2,900 ล้านบาท และธุรกิจอาหารสัตว์น้ำ (Aqua Feed) 1,300 ล้านบาท เป็นต้น ซึ่งในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2566 นี้ ในแต่ละธุรกิจมียอดขายแล้วที่ระดับ 3,200 ล้านบาท, 800 ล้านบาท, 2,300 ล้านบาท และ 900 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 72%, 71%, 79%, และ 72% ของเป้าหมายที่วางไว้
ภาพรวมธุรกิจในช่วงไตรมาส 4/2566มองว่าผลการดำเนินงานจะมีการปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้นกว่าเมื่อเทียบกับไตรมาส 3/2566 ที่มีรายได้จากการขายรวมอยู่ที่ระดับ 2,614 ล้านบาท และมีปริมาณการจำหน่ายรวมอยู่ที่กว่า 19,189 ล้านตัน โดยธุรกิจ Pet Food ปัจจุบันยังคงมีคำสั่งซื้อใหม่ๆ เข้ามาเติมอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ธุรกิจ Tuna มีแนวโน้มการเติบโตที่ดีเช่นเดียวกัน เนื่องจากในช่วงปลายปีต้นทุนราคาทูน่าปรับตัวลดลง คาดจะเป็นแรงหนุนให้ลูกค้ามีคำสั่งซื้อเข้ามาเพิ่มมากขึ้น
*คงมาร์จิ้น 12-13%
ส่วนธุรกิจ Frozen Food มองว่าอาจยังไม่กระเตื้องขึ้นมากนักในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ เนื่องจากราคาสินค้าโภคภัณฑ์ ยังทรงตัวในระดับที่ต่ำ ทำให้ภาคการอุปโภค-บริโภค มีการนำเข้าที่ชะลอตัวลง สำหรับธุรกิจ Aqua Feed นั้น จากการปรับสูตรใหม่ ทำให้เป็นที่ยอมรับกับเกษตรมากขึ้น หนุนให้ยอดขายมีแนวโน้มขยายตัวเพิ่มขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง โดยยอดขายหลักยังคงมาจากอาหารกุ้ง คิดเป็นสัดส่วนกว่า 92%ในขณะที่อาหารปลาคิดเป็นสัดส่วนราว 8%ของยอดขายอาหารสัตว์น้ำโดยรวม
ขณะเดียวกันบริษัทยังคงให้ความสำคัญในการบริหารจัดการต้นทุนให้อยู่ในระดับที่มีความเหมาะสม เพื่อรักษาระดับให้ทั้งปีนี้อัตรากำไรขั้นต้นจะอยู่ที่ไม่ต่ำกว่าระดับ 12-13% ได้ จากช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ที่ระดับ 12.2% สำหรับเงินลงทุนในปี 2566 ยังคงไว้เท่าเดิมที่ระดับ 671 ล้านบาท แบ่งออกเป็น ใช้เพื่อรองรับการลงทุนในธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยง จำนวน 473 ล้านบาท ลงทุนในธุรกิจอาหารทะเลแช่เยือกแข็ง จำนวน 144 ล้านบาท และธุรกิจอาหารเม็ด 54ล้านบาท เป็นต้น
*แนะ"ซื้อ"-เป้า7.59บ.
บริษัทหลักทรัพย์ ดีบีเอส วิคเคอร์ส ( ประเทศไทย ) จำกัด ระบุว่า คาดว่าในไตรมาส 4/2566 อาหาร VAP อาจจะยังไม่ดีเท่าไตรมาส 3/2566 แต่ลุ้นอาหารสัตว์เลี้ยงค่อยๆ ฟื้นตัวมากขึ้น โครงสร้างของธุรกิจยังคงพึ่งพิงธุรกิจที่มีอัตรากำไรสูงอย่าง ธุรกิจอาหารแช่เยือกแข็งในส่วนของสินค้ามูลค่าเพิ่ม VAP และอาหารสัตว์เลี้ยง
ซึ่งเบื้องต้นธุรกิจสินค้ามูลค่าเพิ่ม VAP ที่ดีในไตรมาส 3/2566 อาจจะมีแผ่วลงบ้าง แต่ธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงมีโอกาสทยอยฟื้นตัวจากการได้ลูกค้าใหม่ อย่างไรก็ดี การประเมินมูลค่าหุ้น ปรับเพิ่มคำแนะนำเป็น “ซื้อ” จากเดิม “ถือ” หลังราคาปรับตัวลงมาต่อเนื่อง และมีส่วนเพิ่มจากราคาปิด ยังคงใช้ราคาพื้นฐานปี 2567 ที่ 7.59 บาท โดยใช้ P/E ที่ 16 เท่าเช่นเดิม
รู้ทันเกม รู้ก่อนใคร ติดตาม "ทันหุ้น" ที่นี่
FACEBOOK คลิก https://www.facebook.com/Thunhoonofficial/
YOUTUBE คลิก https://www.youtube.com/channel/UCYizTVGMealUUalT6VdUdNA
Tiktok คลิก https://www.tiktok.com/@thunhoon_
LINE@ คลิก https://lin.ee/uFms4n5
TELEGRAM คลิก https://t.me/thunhoon_news
Twitter คลิก https://twitter.com/thunhoon1
เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา อ่านเพิ่มเติม