#ทันหุ้น - เมื่อวานตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลงไปเคลื่อนไหวต่ำกว่าระดับ 1515 หลังจากฟื้นตัวกลับขึ้นไปปิดที่ระดับ 1520 เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ทำให้แนวโน้มหลักยังมีโอกาสปรับตัวลดลงต่อเนื่องไปทดสอบแนวรับถัดไปที่ 1480
สำหรับหุ้นที่น่าสนใจวันนี้ คือ ASIAN หรือ บริษัท เอเชี่ยนซี คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ดำเนินธุรกิจประเภทอุตสาหกรรมแปรรูปสัตว์น้ำแช่เยือกแข็ง จำหน่ายและส่งออกผลประกอบการไตรมาส 2 ปี 66 มีกำไรสุทธิ 15 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.02 บาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 264 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.32 บาท
ผลประกอบการ 6 เดือนแรกของปี 66 มีกำไรสุทธิ 66 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.08 บาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 512 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.63 บาท
นายเอกกมล ประสพผลสุจริต ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายการเงิน บมจ.เอเชี่ยนซี คอร์ปอเรชั่น (ASIAN) เปิดเผยว่า บริษัททบทวนเป้าหมายปี 66 จากรายได้ในช่วงครึ่งแรกหดตัว 18.4% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จึงได้ปรับลดเป้าหมายรายได้ปีนี้มาเป็นลดลง 11% จากปีก่อนที่มีรายได้ 11,516 ล้านบาท แต่ยังมั่นใจว่าจะสามารถทำอัตรากำไรขั้นต้นให้อยู่ที่ระดับ 10-11% ได้
ทั้งนี้ ผลประกอบการไตรมาส 2/66 มีรายได้ 2,338 ล้านบาท ลดลง 16.8% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนซึ่งอยู่ที่ 2,810 ล้านบาท เนื่องจากธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงและธุรกิจอาหารแช่เยือกแข็งมียอดขายต่ำกว่าที่คาดการณ์ ส่งผลต่อผลประกอบการโดยรวมของกลุ่ม ขณะที่กำไรสุทธิอยู่ที่ 16 ล้านบาท ลดลง 94 % จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไร 264 ล้านบาท ผลมาจากยอดขายที่ลดลง
สำหรับผลประกอบการครึ่งปีแรก 2566 บริษัทฯมีรายได้อยู่ที่ 4,610 ล้านบาท ลดลง 18.4% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ทำได้ 5,647 ล้านบาท สาเหตุหลักจากปริมาณการขายอาหารทะเลแช่เยือกแข็งและอาหารสัตว์ที่ลดลงไป 41% และ 28% ตามลำดับ โดยปริมาณการขายอาหารทะเลแช่เยือกแข็งอยู่ที่ 4,369 ตัน และอาหารสัตว์อยู่ที่ 14,081 ตัน แต่ยอดขายธุรกิจอาหารสัตว์น้ำฟื้นตัวจากปีที่ผ่านมาอย่างมีนัยสำคัญถึง 22% ซึ่งเป็นผลจากการปรับปรุงคุณภาพผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่องและส่งผลให้มีความต้องการสินค้าของบริษัทเพิ่มมากขึ้น
ขณะที่กำไรสุทธิส่วนที่เป็นของบริษัทใหญ่ครึ่งปีแรก 2566 อยู่ที่ 66 ล้านบาท ลดลง 87% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ 513 ล้านบาท อัตรากำไรขั้นต้นที่ลดลงมาอยู่ในระดับ 10.3% จากเดิมอยู่ที่ 18.1% โดยมีกำไรต่อหุ้นอยู่ที่ 0.08 บาท/หุ้น ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ 0.63 บาท/หุ้น
อย่างไรก็ดี หากมองเป็นประเภทธุรกิจ ธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงซึ่งมีสัดส่วนยอดขายสูงสุดในกลุ่ม ASIAN มีปริมาณการขาย 14,081 ตัน ลดลง 28% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อนที่ 19,669 ตัน ทำให้กระทบต่อรายได้หลักทั้งหมด จากสาเหตุคำสั่งซื้อที่สหรัฐและยุโรปลดลงเพราะปัญหาสินค้าล้นสต็อกมาตั้งแต่ปลายปีก่อน อีกทั้งค่าเงินบาทแข็งค่า ทำให้คาดว่ายอดขายอาหารสัตว์ปี 2566 จะลดลง 24% หรือมียอดขาย 4,700 ล้านบาท แต่สำหรับแบรนด์อาหารสัตว์เลี้ยงของบริษัทเอง ได้แก่ Monchou, Hajiko และ Pro ถือว่าได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีเพราะยอดขายเติบโตขึ้นกว่า 10% แม้ตลาดอาหารสัตว์เลี้ยงในไทยจะมีการแข่งขันทางกิจกรรมทางการตลาดที่รุนแรง และมีแบรนด์ใหม่เข้าสู่ตลาดมากขึ้นก็ตาม
สำหรับธุรกิจอาหารแช่เยือกแข็ง แม้การส่งออกจะดีขึ้นในไตรมาส 2 ทั้งสหรัฐ ยุโรป และอิตาลี แต่ยอดขายในประเทศลดลงจึงส่งผลต่อปริมาณการขายโดยรวมลดลงมาอยู่ที่ 2,483 ตัน ลดลง 31% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน 3,603 ตัน ประกอบกับยังมีปัญหาการชะลอตัวเศรษฐกิจโลกและราคาพลังงานที่สูง ทำให้ปริมาณการส่งออกอาหารทะเลครึ่งปีแรกอยูที่ 4,369 ตัน ลดลง 41% จากช่วงเดียกันปีก่อน 7,409 ตัน จึงประเมินว่า การส่งออกอาหารทะเลแช่เยือกแข็งปี 2566 จะลดลง 15-16% จากปี 2565
ขณะที่ธุรกิจอาหารสัตว์น้ำจากที่บริษัทฯ มีการปรับปรุงคุณภาพอาหารกุ้งมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปีก่อน ทำให้ได้รับการยอมรับจากเกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งมากขึ้น แม้ว่าสถานการณ์การผลิตและปริมาณกุ้งทั่วโลกยังกดดันราคากุ้ง โดยเอกวาดอร์เพิ่มการผลิตและหลายประเทศเริ่มต้นฤดูกาลจับกุ้งพร้อมกันทำให้ปริมาณกุ้งมีสูงขึ้น ทำให้มีการชะลอการนำเข้ากุ้งในประเทศต่างๆ และเงินเฟ้อและภาวะเศรษฐกิจทำให้ต้นทุนวัตถุดิบปรับสูงขึ้น แต่ความต้องการอาหารกุ้งของบริษัทกลับเพิ่มสูงขึ้น ทำให้ครึ่งปีแรกปีนี้มีปริมาณขายอาหารสัตว์เพิ่มขึ้นเป็น 16,762 ตัน หรือ เพิ่มขึ้น 22 % จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ 13,688 ตัน
ด้านธุรกิจทูน่าแม้ช่วงไตรมาส 2 ปริมาณขายลดลง แต่รายได้เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากการปรับราคาขายตามต้นทุนราคาของปลาทูน่าที่สูงขึ้น และคาดว่าราคาทูน่ายังทรงตัวระดับสูงไปตลอดทั้งปี เพราะต้องเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศและทำให้จับทูน่าได้น้อยลง ทั้งนี้ตลาดหลักคือกลุ่มตะวันออกกลางยังคงมีความต้องการสินค้าอย่างต่อเนื่อง โดยตลาดตะวันออกกลางถือว่าเป็นตลาดหลักที่มีสัดส่วนถึง 64% จากยอดขายทูน่าทั้งหมด
ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเกิดสัญญาณฟื้นตัวทางเทคนิคเหนือจุดด่ำสุดเดิมที่ 7.05 หลังจากปรับตัวลดลงต่อเนื่องจากระดับ 9.00 ลงไป ซึ่งเราคาดว่า แนวโน้มของราคาหุ้นยังมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 8.00 ถ้าทะลุผ่านขึ้นไปได้ จะมีแนวต้านถัดไปที่ 9.50 และ 10.00 แต่มีแนวรับสำคัญในระยะสั้นที่ 7.20 ถ้าย้อนกลับลงไปควรขายหุ้นออกไปก่อน
รู้ทันเกม รู้ก่อนใคร ติดตาม "ทันหุ้น" ที่นี่
FACEBOOK คลิก https://www.facebook.com/Thunhoonofficial/
YOUTUBE คลิก https://www.youtube.com/channel/UCYizTVGMealUUalT6VdUdNA
Tiktok คลิก https://www.tiktok.com/@thunhoon_
LINE@ คลิก https://lin.ee/uFms4n5
TELEGRAM คลิก https://t.me/thunhoon_news
Twitter คลิก https://twitter.com/thunhoon1
เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา อ่านเพิ่มเติม