นายวงศกร พิเศษสิทธิ์ ผู้อำนวยการอาวุโสและนักลงทุนสัมพันธ์ บริษัท คิงส์เมน ซี.เอ็ม.ที.ไอ.จํากัด (มหาชน) หรือ K ผู้ประกอบธุรกิจออกแบบและตกแต่งงานแบบครบวงจร เปิดเผยว่า ตั้งแต่ไตรมาส 2/2566 เป็นต้นไป บริษัทจะกลับมาโดดเด่นในเรื่องการรับงานตกแต่งภายใน (Interiors) มากยิ่งขึ้น ล่าสุดคว้างาน Interiors ในห้างสรรพสินค้าย่านใจกลางเมืองกรุงเทพฯ ซึ่งมีมูลค่าโครงการประมาณ 40 ล้านบาท โดยงานดังกล่าวเป็นโครงการร่วมทุนกับ กลุ่มบริษัทพันธมิตร โดยงานดังกล่าวจะเริ่มดำเนินการภายในเดือนกรกฎาคมนี้ ซึ่งจะส่งผลให้บริษัทสามารถรับรู้รายได้เข้ามาภายในไตรมาส 3/2566 นี้ทันที
ขณะที่ก่อนหน้านี้ บริษัทได้รับงานจากกลุ่ม บริษัท มิราเคิล ซึ่งเป็นงาน Interiors เลานจ์ ในสนามบินสุวรรณภูมิ ภายในโครงการอาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 1 (Satellite 1 : SAT-1) มูลค่า 65 ล้านบาท โดยมีระยะเวลาดำเนินการ 5 เดือน (พ.ค.-ก.ย.นี้) โดยงานดังกล่าว บริษัททยอยรับรู้รายได้เข้ามาตั้งแต่ไตรมาส 2/2566
ส่วนงาน Interiors ภายในห้างสรรพสินค้า 2โครงการก่อนหน้านี้ คิดเป็นมูลค่ารวมประมาณ 20 ล้านบาทนั้น จะทยอยส่งมอบงานและรับรู้รายได้ในช่วงไตรมาส 2-3/2566เช่นกัน ส่งผลให้ในไตรมาส 2 และ ไตรมาส 3 นี้ บริษัทจะรับรู้รายได้จากกลุ่มงาน Interiors เข้ามาเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้บริษัทยังเตรียมรับงานตกแต่งภายในของโรงแรมแห่งหนึ่ง มูลค่ากว่า 42 ล้านบาท ในช่วงเดือนกันยายนนี้ ซึ่งคาดว่าจะทยอยรับรู้รายได้ในงานดังกล่าวเข้ามาในปีนี้ ประมาณ 16 ล้านบาท ส่วนรายได้ที่เหลือจะรับรู้ต่อเนื่องในปี 2567
อย่างไรก็ตาม จากภาพรวมของธุรกิจในปี 2566 นี้ บริษัทเชื่อมั่นว่าจะสามารถกลับมาเทิร์นอะราวด์ได้อีกครั้ง โดยได้ตั้งเป้าหมายรายได้รวมเติบโตแตะระดับ 840 ล้านบาท ล่าสุดบริษัทมีงานในมือ(Backlog) อยู่ที่ประมาณ 400 ล้านบาท จะทยอยรับรู้ในช่วงที่เหลือของปีนี้ประมาณ 90%ส่วนที่เหลือจะทยอยรับรู้ในปี 2567
อีกทั้งปัจจุบันบริษัทมี Backlog ที่ Secure Revenue ทั้งปีแล้วประมาณ 600 ล้านบาท ซึ่งในเหลือของปีนี้ ดังนั้นยิ่งเป็นการตอกย้ำให้เห็นว่า การกลับมาเทิร์นอะราวด์ในปีนี้ไม่ใช่เรื่องที่ยากจนเกินเอื้อม ฉะนั้นในช่วงระยะเวลาที่เหลือจึงเชื่อว่าจะมีดีลงานใหม่เข้ามาเพิ่มในพอร์ตอีกเพียง 250 ล้านบาท ซึ่งจะเป็นไปตามเป้าหมายอย่างแน่นอน ประกอบกับในช่วงไตรมาส4/2566 เป็นช่วงไฮซีซันของธุรกิจ ที่สำคัญมีงานโปรเจ็กต์ใหญ่ อย่าง Motor Expo ที่บริษัทคาดว่าจะได้รับงานมูลค่านี้ ประมาณ 80-120 ล้านบาท เช่นเดียวกัน
ทั้งนี้ภายหลังที่บริษัทออกใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของบริษัท ครั้งที่ 2 (K-W2) โดยมีอายุ 1 ปี นับแต่วันที่ออกและเสนอขาย ให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัท จำนวนไม่เกิน 79,922,412 หน่วย ในอัตรา 6 หุ้นสามัญต่อ 1 หน่วยใบสำคัญแสดงสิทธิ โดยสามารถใช้สิทธิแปลงสภาพเป็นหุ้นสามัญในทุกๆ 3 เดือนนั้น
ทางบริษัทขอแจ้งไปยังผู้ถือหุ้นว่า ภายในเดือนสิงหาคมนี้ จะครบกำหนดระยะเวลาในการใช้สิทธิแปลงสภาพ K -W2 รอบแรกในวันที่ 31 สิงหาคม 2566 โดยบริษัทได้เตรียมเปิดให้ผู้ถือหน่วยแจ้งความจำนงในการใช้สิทธิ K-W2 ได้ระหว่างวันที่ 24-30 สิงหาคม 2566 ที่อัตราการใช้สิทธิ 1 หน่วยวอร์แรนต์ต่อ 1 หุ้นสามัญ ในราคาใช้สิทธิซื้อหุ้นสามัญ 0.80 บาทต่อหุ้น และได้กำหนดใช้สิทธิ์ในครั้งที่ 2 ในวันที่ 30 พฤศจิกายน 2566 สามารถแจ้งความจำนงในการใช้สิทธิ K-W2 ได้ระหว่างวันที่ 23-29 พฤศจิกายน 2566
สำหรับเม็ดเงินที่ได้จากการใช้สิทธิแปลงสภาพ K-W2 ในครั้งนี้ เพื่อรองรับการเติบโตในอีก 1 ปีข้างหน้า โดยคาดว่าเม็ดเงินจากการระดมทุนภายหลังผู้ถือหุ้นมีการแปลงสภาพหมดตามสิทธิประมาณ 60 ล้านบาท ซึ่งส่งผลดีต่อบริษัทในการนำเม็ดเงินดังกล่าวไปใช้เป็นเงินทุนเพื่อหมุนเวียนสำหรับการต่อยอดและรองรับการขยายโครงการต่าง ๆ ในอนาคต ทั้งนี้หากมีโครงการใหม่ๆ เข้ามาในช่วงกลางปีหรือปลายปีนี้ บริษัทก็สามารถนำเม็ดเงินดังกล่าวมาต่อยอดการทำงานได้อย่างลงตัว
รู้ทันเกม รู้ก่อนใคร ติดตาม "ทันหุ้น" ได้ทุกช่องทางเหล่านี้
YOUTUBE คลิก https://www.youtube.com/c/ThunhoonOfficial
FACEBOOK คลิก https://www.facebook.com/Thunhoonofficial/
Tiktok คลิก https://www.tiktok.com/@thunhoon_
TELEGRAM คลิก https://t.me/thunhoon_news
Twitter คลิก https://twitter.com/thunhoon1
Instagram คลิก https://instagram.com/thunhoon.news?igshid=YTY2NzY3YTc=
เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา อ่านเพิ่มเติม