#BYD #ทันหุ้น – BYD เร่งปรับโครงสร้างเป็น โฮลดิ้ง จัดระเบียบบ้าน มองโอกาสธุรกิจใหม่เสริม ส่วนธุรกิจหลักทรัพย์ พร้อมให้บริการทุกรูปแบบกระตุ้นรายได้ ปักธงลุยธุรกิจ Wealth Management คาดเติบโตสูง ส่วนธุรกิจขนส่งมวลชนสาธารณะ ชูปีนี้บรรจุรถบัสจำนวน 1,800-2,000 คันตามเป้า พร้อมเล็งโอกาสสร้างรายได้จากคาร์บอนเครดิต

นางสาวออมสิน ศิริ ประธานกรรมการบริหาร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บียอนด์ จำกัด (มหาชน) หรือBYD เปิดเผยว่า  บริษัทเดินหน้าในการปรับโครงสร้างธุรกิจเป็นบริษัทโฮลดิ้ง (Holding Company) โดยยังเดินหน้าธุรกิจหลักทรัพย์ที่เป็นธุรกิจหลัก รวมถึงการลงทุนให้บริการขนส่งสาธารณะด้วยยานยนต์ไฟฟ้าด้วย และยังมองโอกาสในการลงทุนในธุรกิจอื่นๆ ที่จะช่วยต่อยอดการเติบโตด้วย ปัจจุบันได้มีการให้ที่ปรึกษาทางการเงินเข้ามาดำเนินการการ ทั้งนี้หากมีความคืบหน้าบริษัทจะเปิดเผยแผนงานโดยละเอียดตามลำดับ

ธุรกิจหลักทรัพย์ครบวงจร

โดยธุรกิจบริษัทหลักทรัพย์ มีความพร้อมในการให้บริการทุกรูปแบบ และเดินหน้าในการขยายต่อเนื่อง  มีการเพิ่มทีมงานมากขึ้น เช่นทีมงานการวิเคราะห์การเดินหน้า เพื่อสร้างรายได้ให้แก่บริษัทอย่างต่อเนื่อง โดยมูลค่าการซื้อหลายซื้อขายหลักทรัพย์ไตรมาส 1/2566 จะลดลงจากเศรษฐกิจโลกชะลอตัวลง ความกังวลเรื่องภาษีซื้อขายหุ้น และแรงขายจากต่างชาติ แต่ในส่วนของผลตอบแทนจากการปล่อยมาร์จิ้นโลนเพิ่มขึ้น จากการบริหารจัดการต้นทุน และปรับกลยุทธ์ในเรื่องของ Investment Banking ทำให้มีงานเข้ามาต่อเนื่อง สร้างผลประกอบการเชิงบวกให้แก่บริษัท

ขณะที่ธุรกิจ Wealth Management ก็จะเป็นโอกาสสร้างรายได้ที่ดี โดยมุ่งเน้นการขยายตัวและการกระจายตัวของสินทรัพย์ที่จะลงทุน โดยปีนี้มีเป้าหมายเพิ่มบริการให้ครบวงจร และสิ้นปีนี้จากการขยายตลาด สินทรัพย์ภายใต้การบริหาร (AUA) แตะที่ระดับ 6,000 ล้านบาท  แบ่งเป็นกองทุนส่วนบุคคล Private Fund กองทุนรวม (Mutual Fund)  และหุ้นกู้ โดยมีกลยุทธ์ 3 ส่วนคือ 1.การยึดมั่นในเรื่องของบริการที่มีคุณภาพให้นักลงทุนทุกท่าน  2. มุ่งเน้นการขยายฐานลูกค้าให้เพิ่มขึ้น จากเดิมที่เน้นผู้ลงทุนรายใหญ่ (High Net Worth) ไปนักลงทุนสถาบันและนักลงทุนรายย่อย

3. ยังมองหาพันธมิตรที่มีศักยภาพ เข้ามาร่วมงานทั้งในส่วนของโปรดักต์ และการขาย อีกทั้งบริษัทหลักทรัพย์ ยังมีความพร้อมในการเป็นตัวแทน ขายหุ้นกู้ เดินหน้าเรื่องกองทุนส่วนบุคคล PRIVATE FUND  มีลูกค้าอยู่กว่า 100 ราย รวมไปถึงการเป็นตัวแทนในการขายกองทุนรวมและเงินฝาก  โดย Wealth Managementยังมีโอกาสเติบโต จึงมีการนำ AI เข้ามาช่วยเสริม

สำหรับธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้า บริษัทได้มีการเข้าไปลงทุนในบริษัท ไทยสมายล์บัส จำกัด หรือ TSB เพื่อขยายธุรกิจเป็นการให้บริการธุรกิจขนส่งมวลชนสาธารณะ ที่ใช้ยานพาหนะที่เป็นไฟฟ้า ทั้งรถบัสไฟฟ้า (e-Bus) และเรือไฟฟ้า (e-Ferry) โดยธุรกิจขนส่งมีการปล่อยก๊าซเรือกระจำ จึงต้องมีการขับเคลื่อนธุรกิจใหม่ จึงเป็นที่มาให้บริษัทเข้าไปลงทุนใน TSB ในการเดินหน้าเรื่องยานยนต์ไฟฟ้า

ทั้งนี้บริษัทได้คาดการณ์ว่า EBIT ของ TSB กรุ๊ป จะทำได้ราว 40-50% และยังเดินหน้าควบคู่ไปกับการเพิ่มจำนวนรถ โดยปีนี้ ไทยสมายล์บัสมีจะมีการบรรจุรถบัสจำนวน 1,800-2,000 คัน โดยในช่วงไตรมาส 1/2566 มีการรับรู้ไปแล้วกว่า 480 คัน คาดว่าไตรมาส 2/2566 จะทำได้ในระดับใกล้เคียงกัน และจะรับรถได้ทั้งหมดในช่วงไตรมาส 3/2566 โดยกำลังการผลิตของผู้ที่ผลิตรถให้บริษัททำได้ราว 300 คันต่อวัน ทำให้ไม่มีปัญหาในการด้านการผลิตรถ แต่อาจจะต้องมีการบริการจัดการเพิ่มคือเรื่องของที่ชาร์จ ที่จะต้องเชื่อมโยงระบบเข้ากับการไฟฟ้าจึงทำให้มีขั้นตอนการดำเนินการเพิ่ม ทั้งนั้นคาดว่าการบรรจุรถทั้งปีจะได้ตามแผน ที่ราว 3,000 คัน

*อัพไซด์ขายคาร์บอนเครดิต

ส่วนการขายคาร์บอนเครดิตเป็นอีกอัพไซด์ที่บริษัทได้รับจากธุรกิจขนส่งมวลชนสาธารณะ จะให้คาร์บอนราว 238,800 ตันคาร์บอนต่อปี ส่วนเรือจะอยู่ที่ 12,220 ตันคาร์บอนต่อปี ทำให้รวมทั้งปีคาดว่าจะมีคาร์บอนไม่ต่ำกว่า 250,000ตันคาร์บอน และจะเดินหน้าในกระบวนการต่อไป คาดว่าจะสามารถได้ รับการรับรอง ได้ในช่วงปลายเดือนตุลาคมถึงเดือนพฤศจิกายน จึงพร้อมที่จะขายส่วนจะขายช่วงได้ขึ้นอยู่กับราคาความเหมาะสม และให้ได้ราคาดีที่สุด

รู้ทันเกม รู้ก่อนใคร ติดตาม "ทันหุ้น" ที่นี่

FACEBOOK คลิก https://www.facebook.com/Thunhoonofficial/

YOUTUBE คลิก https://www.youtube.com/channel/UCYizTVGMealUUalT6VdUdNA

Tiktok คลิก https://www.tiktok.com/@thunhoon_

LINE@ คลิก https://lin.ee/uFms4n5

TELEGRAM คลิก https://t.me/thunhoon_news

Twitter คลิก https://twitter.com/thunhoon1