ค่าแรงกระทบหนัก 5 หุ้นพลังงาน PTG เหนื่อยสุด

#PTG #ทันหุ้น - หุ้นพลังงาน-ปิโตรฯถูกกดดัน หลังทิศทางปฏิรูปธุรกิจพลังงานชัดเจนขึ้น ปัจจัยลบจ่อคิวเพียบ ทั้งการปรับขึ้นค่าแรง, การปรับลดค่าไฟฟ้า นโยบายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก GULF, BGRIM, RATCH หรือ GPSC รับผลกระทบลดค่าไฟฟ้า และการเร่งโซลาร์เซลล์ภาคประชาชน PTG รับผลกระทบค่าแรงหนักสุด ส่วน IVL, SCGP และ SCC กระทบน้อยสุด เหตุธุรกิจกระจายไปในต่างประเทศ

บล.ทรีนิตี้ วิเคราะห์ถึงผลกระทบหุ้นพลังงานกับนโยบายรัฐบาลใหม่ ระบุว่า ด้วยนโยบาย รวมถึงการที่จะปฏิรูปธุรกิจพลังงานในประเทศไทย จึงอาจจะส่งผลกระทบต่อนโนบายด้านพลังงานงานในช่วงถัดไปได้ อย่างเช่นอาจจะมีการลดค่าการตลาดหรือปรับโครงสร้างราคาหน้าโรงกลั่นใหม่ก็เป็นได้ ซึ่งสร้างความเสี่ยงและความไม่แน่นอนต่อธุรกิจพลังงานที่เกี่ยวข้อง ดังนั้น ในหุ้นกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมีอาจจะยังถูกกดดันในช่วงสั้น เราประเมินว่าหุ้นที่มี Operation ในประเทศน้อยก็จะได้รับผลกระทบน้อยที่สุด เช่น IVL, SCGP และ SCC

นโยบายพลังงาน

หลังจากที่พรรคก้าวไกลได้เป็นแกนนำเพื่อจัดตั้งรัฐบาลแล้วนั้น นโยบายสำคัญๆ ที่ได้ประกาศออกมาก่อนหน้านี้ได้ถูกหยิบยกพูดถึงเป็นอย่างมาก ซึ่งนโยบายที่เราคาดว่าอาจจะมีผลกระทบต่อหุ้นในกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมี คือ การปรับขึ้นค่าแรง, การลดค่าไฟฟ้า รวมถึงนโยบายการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก

นโยบายการลดค่าไฟฟ้า

นโยบายการลดค่าไฟฟ้า 70 สตางค์ต่อหน่วย รวมถึงการลดการให้สัมปทานโรงไฟฟ้าใหม่ๆ และการเร่งโซลาห์เซลล์ภาคประชาชนให้ขายไฟฟ้าคืนได้ จะส่งผลให้โรงไฟฟ้า IPP และ SPP ที่มีการขายไฟฟ้าให้กับ EGAT หรือ PEA ได้รับผลกระทบมากที่สุด ไม่ว่าจะเป็น GULF, BGRIM, RATCH หรือ GPSC ซึ่งอาจจะส่งให้การทำกำไรลดลงจากการถูกกดดันเรื่องค่าไฟฟ้า และการเติบโตที่ลดลง จาก PPA ที่อาจจะออกมาให้กับโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่ลดลง

นโยบายปรับเพิ่มค่าแรง

นโยบายการปรับเพิ่มค่าแรงนั้น จะมีการปรับเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำเป็น 450 บาทต่อวัน จากปัจจุบันที่อยู่ราว 350 บาทต่อวัน หรือปรับเพิ่มกว่า 30% ซึ่งเรามองว่าจะมีผลกระทบโดยรวมกับหุ้นในกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมีเป็นส่วนใหญ่

บล.ทรีนิตี้ ได้ทำสมมติฐานการปรับค่าแรงเพิ่มขึ้น 10% พบว่า PTG จะได้รับผลกระทบมากที่สุดเนื่องด้วยมีสัดส่วนของค่าแรงพนักงงานค่อนข้างมาก จากที่ธุรกิจเป็นสถานีบริการน้ำมัน และเป็น COCO ส่วนใหญ่ แม้ว่า OR จะมีธุรกิจที่ให้บริการสถานีน้ำมันเช่นเดียวกันแต่มีผลกระทบที่น้อยกว่า เนื่องด้วย OR มีลักษณะเป็น DODO ส่วนใหญ่ Dealer จึงเป็นคนรับภาระค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้น ในขณะที่ IVL นั้นได้รับผลกระทบจากการปรับค่าแรงค่อนข้างน้อย จาก Operation ในประเทศไทยมีจำนวนน้อยเมื่อเทียบกับ Operation ในต่างประเทศ

ทั้งนี้ กรณีที่ค่าแรงเพิ่มขึ้น 10% ผลกระทบต่อกำไรสุทธิมากสุดประกอบด้วย PTG ลดลง 24.9%, IRPC ลดลง 11.4% และ BCP ลดลง 6.6%

รู้ทันเกม รู้ก่อนใคร ติดตาม "ทันหุ้น" ที่นี่

FACEBOOK คลิก https://www.facebook.com/Thunhoonofficial/

YOUTUBE คลิก https://www.youtube.com/channel/UCYizTVGMealUUalT6VdUdNA

Tiktok คลิก https://www.tiktok.com/@thunhoon_

LINE@ คลิก https://lin.ee/uFms4n5

TELEGRAM คลิก https://t.me/thunhoon_news

Twitter คลิก https://twitter.com/thunhoon1