ลงทุนในตลาดเงินและตราสารหนี้ง่ายๆ ผ่าน BLS Private Fund

#ทันหุ้น - วันนี้หลักทรัพย์บัวหลวง จะมาแนะนำการลงทุนในตลาดเงินและตราสารหนี้แบบง่ายๆ ผ่าน BLS Private Fundโดยได้นำข้อมูลดีๆ ที่ทีม BLS Private Fund สรุปไว้ใน Knowledge Sharing สถานีแบ่งปันความรู้แบบออนไลน์ ตลอด 24 ชั่วโมง ครบทุกความรู้ รวมทุกคำถามและคำตอบ หุ้น อนุพันธ์ กองทุน LTF RMF DW01 และเครื่องมือด้านการลงทุนต่างๆ มาฝาก

หากเรามีเงินสดเหลืออยู่สักหนึ่งก้อน และยังไม่รู้ว่าจะนำเงินจำนวนนั้นไปทำอะไรดีทางเลือกที่ง่ายที่สุดอาจจะเป็นการฝากเงินไว้ในธนาคาร ไม่ว่าจะเป็นการฝากออมทรัพย์ ฝากประจำ หรือเงินฝากดอกเบี้ยสูงพิเศษ ซึ่งแม้ว่าวิธีนี้จะดูเป็นวิธีที่ง่ายแต่เงินฝากต่างๆ เหล่านี้ก็มีข้อจำกัดและอุปสรรคแตกต่างกันไปทำให้ผู้ลงทุนเกิดความหงุดหงิดใจได้เช่น

ผลตอบแทน ที่อาจขึ้นลง ตามสภาวะตลาดหรือการแข่งขันของธนาคารพาณิชย์ ทำให้ผู้ลงทุนต้องคอยติดตามตลอดเวลา ว่าจะย้ายเงินไปไว้ที่ไหนอย่างไรดี

การจำกัดของปริมาณเงินฝาก ที่มีกำหนดจำนวนเงินฝากที่จะให้ดอกเบี้ยสูงได้ เช่น ได้เฉพาะเงิน 100,000 บาทแรก เป็นต้น ทำให้ผลตอบแทนรวมสุดท้ายอาจจะไม่ได้มากอย่างที่หวัง และไม่สามารถได้ผลตอบแทนที่ดีสำหรับเงินจำนวนมากได้

สภาพคล่อง หากจำเป็นต้องมีการถอนเงินไปใช้ อาจถูกลดหรือไม่ได้รับดอกเบี้ยได้

ดังนั้น จะดีกว่าไหม หากผู้ลงทุนสามารถสร้างผลตอบแทนที่เพิ่มขึ้นได้ โดยการลงทุนผ่านกองทุนส่วนบุคคล ที่สามารถบริหารจัดการเงินของผู้ลงทุน ในรูปแบบการคัดเลือกกองทุนรวมตราสารหนี้ ที่มีคุณภาพจาก 17 บลจ. ชั้นนำ ใน BLS Top Funds และจัดสัดส่วนน้ำหนักการลงทุนที่เหมาะสม จากผู้จัดการกองทุนที่เชี่ยวชาญ ที่จะคอยติดตามสภาวะตลาดและข้อมูลการลงทุน โดยสามารถสร้างผลตอบแทนบนจำนวนเงินที่มากได้ และยังมีสภาพคล่องในการไถ่ถอนเงินลงทุนได้โดยมิต้องหักผลตอบแทน

โดยตัวช่วยการลงทุนที่เราจะพูดถึงในวันนี้คือ BLS Top Funds Portfolio: Fixed Income Funds Package หรือระบบบริหารพอร์ตการลงทุนผ่านกองทุนรวมตลาดเงินและตราสารหนี้แบบอัตโนมัติ ซึ่งมีให้เลือกด้วยกัน 2 กลยุทธ์ คือ

1. Saving Package :เน้นการลงทุนในกองทุนรวมตราสารหนี้ระยะสั้นและระยะกลาง ทั้งในส่วนของกองทุนรวมตลาดเงิน กองทุนรวมตราสารหนี้ระยะสั้นและระยะกลาง ที่ออกโดยทางภาครัฐและเอกชน โดยคัดเลือกกองทุนรวมที่มีผลงานเด่นในระยะยาวสามารถสร้างผลตอบแทนได้ดี และระดับความเสี่ยงที่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของกองทุนรวมที่มีลักษณะเดียวกัน โดยคาดหวังผลตอบแทน ที่มากกว่าเงินฝากออมทรัพย์

2. Dynamic Income Package : เน้นการกระจายการลงทุนในกองทุนรวมในตราสารหนี้ระยะสั้น ระยะกลาง ระยะยาว และหรือกองทุนรวมที่มีผลตอบแทนแปรผันไปตามการเปลี่ยนแปลงของเงินเฟ้อ ทั้งในและต่างประเทศ โดยคัดเลือกกองทุนที่ผ่านเกณฑ์การวิเคราะห์เชิงคุณภาพและปริมาณ มาบริหารสัดส่วนพอร์ตการลงทุน ให้เหมาะสมตามสภาวะตลาด เศรษฐกิจ ทิศทางของดอกเบี้ยและเงินเฟ้อ โดยแบ่งสภาวะตลาดการลงทุนออกเป็น 6 สภาวะ ได้แก่ ช่วงอัตราดอกเบี้ยปรับตัวสูง (Peaked Policy), ช่วงอัตราเงินเฟ้อขาขึ้น (Rising Inflation), ช่วงการเติบโตปกติ (Goldilocks), ช่วงดอกเบี้ยขาขึ้น (Rising Interest), ช่วงนโยบายการเงินแบบเข้มงวด (Hawkish Policy) และช่วงที่ตลาดมีความเสี่ยงสูง (High Economic Risk) เพื่อเพิ่มผลตอบแทนตามสภาวะเศรษฐกิจและคาดหวังผลตอบแทนที่สูงกว่าเงินฝากประจำ

ภาพเปรียบเทียบระหว่าง NAV ของกองทุนรวมตราสารหนี้ และตลาดเงิน ตัวใดตัวหนึ่งเทียบกับกลยุทธ์ Saving Package และ Dynamic Income Package ที่เข้าไปถือครองกองทุนรวมเหล่านี้ในน้ำหนักที่เหมาะสม

จะเห็นได้ว่ากองทุนรวมทั้งหมดเหล่านี้ต่างก็ให้ผลตอบแทนและความเสี่ยงที่แตกต่างกันโดยขึ้นอยู่กับสินทรัพย์ที่ถือครองว่าเป็นตราสารหนี้ประเภทใด ซึ่งมีปัจจัยที่ทำให้สินทรัพย์เหล่านี้เพิ่มขึ้นหรือลดลงได้ ตามสภาวะเศรษฐกิจ ดอกเบี้ย และเงินเฟ้อ ดังนั้นหากมีผู้ช่วยในการลงทุนอย่าง BLS Private Fund ที่จะช่วยคัดเลือกกองทุนรวม ติดตามผลการลงทุนและมีการปรับสัดส่วนการลงทุนที่เหมาะสมตลอดระยะเวลาการลงทุน ก็จะเป็นตัวช่วยในการบริหารความเสี่ยง และสร้างผลตอบแทนที่เหมาะสมให้กับผู้ลงทุนได้

อยากลงทุนสำเร็จ เป็นเพื่อนกับเรา พร้อมรับข่าวสารได้ทุกช่องทางที่
LINE@ คลิก https://lin.ee/uFms4n5
FACEBOOK คลิก https://www.facebook.com/Thunhoonofficial/
YOUTUBE คลิก https://www.youtube.com/channel/UCYizTVGMealUUalT6VdUdNA
TELEGRAM คลิก https://t.me/thunhoon_news
Twitter คลิก https://twitter.com/thunhoon1