> Trendtalk > THCOM

12 กันยายน 2022 เวลา 06:20 น.

THCOM

#THCOM #ทันหุ้น - ตลาดหุ้นไทยเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาปรับตัวเพิ่มขึ้นไปทดสอบแนวต้านสำคัญที่ 1650 จากการปรับตัวเพิ่มขึ้นของหุ้น DELTA ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่ง ทำให้บรรยากาศในการเก็งกำไรกลับมาอีกครั้ง ในขณะที่การปรับตัวเพิ่มขึ้นทะลุผ่านแนวต้านที่ 1650 ขึ้นไป จะมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องไปทดสอบแนวต้านถัดไปที่ 1680 แต่ถ้าย้อนกลับลงไปต่ำกว่า 1635 จะเป็นสัญญาณขายทางเทคนิค


สำหรับหุ้นที่น่าสนใจวันนี้ คือ THCOM หรือ บริษัท ไทยคม จำกัด (มหาชน) ดำเนินธุรกิจในกลุ่มธุรกิจหลัก 3 กลุ่ม ได้แก่ 1. ธุรกิจดาวเทียมและบริการที่เกี่ยวเนื่อง 2. ธุรกิจอินเทอร์เน็ตและสื่อ 3. ธุรกิจโทรศัพท์ในต่างประเทศ


ผลการดำเนินงานไตรมาสที่ 2 ปี 65 มีกำไรสุทธิ 309 ล้านบาท คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 0.28 บาท เมื่อเทียบกับผลการดำเนินงานไตรมาสที่ 2 ปี 64 ที่ขาดทุนสุทธิ 41 ล้านบาท คิดเป็นขาดทุนต่อหุ้น 0.04 บาท


ส่วนผลการดำเนินงาน 6 เดือนของปี 65 มีกำไรสุทธิ 359 ล้านบาท คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 0.33 บาท เมื่อเทียบกับผลการดำเนินงาน 6 เดือนของปี 64 ที่มีกำไรสุทธิ 70 ล้านบาท คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 0.06 บาท


นายปฐมภพ สุวรรณศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ไทยคม (THCOM) คาดว่า ทิศทางธุรกิจในครึ่งหลังปี 65 บริษัทจะสามารถทำกำไรได้ต่อเนื่องหลังจากครึ่งแรกปีนี้กำไรสุทธิปรับขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ พร้อมทั้งเตรียมสร้างรายได้ใหม่จากธุรกิจดาวเทียม Leo และธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับอวกาศ (Space)


บริษัทได้ Turnaround จากลบเป็นบวก โดย Core Profit ซึ่งเป็นกำไรที่รวมผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยนและรายการพิเศษที่เกิดขึ้นครั้งเดียว ในครึ่งแรกปี 65 มี Core Profit ที่ 338 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนที่ขาดทุน 106 ล้านบาท ส่วนกำไรสุทุธิ ครึ่งปีแรกปีนี้ อยู่ที่ 360 ล้านบาท เพิ่มจาก 70 ล้านบาทหรือ สูงขึ้น 413% จากครึ่งแรกปี 64


เนื่องจากการโครงสร้างธุรกิจเปลี่ยนจากระบบสัมปทานที่ต้องจ่ายส่วนแบ่งรายได้ 22.5% และมีค่าเสื่อมาราคา ได้หมดอายุเมื่อปี 64 มาเป็น Commercial leasing model ซึ่งบริษัทเช่าจากบมจ.โทรคมนาคมแห่งชาติ (NT) สำหรับดาวเทียมไทยคม 4 และไทยคม 6 และใบอนุญาตที่ จ่าย 4% ทำให้บริษัทสามารถลดต้นทุนได้อย่างมีนัยสำคัญ ทำให้บริษัทเทิร์นอะราวด์ได้ และทำให้ Ebitda Margin ก็ปรับตัวสูงขึ้นมา 45-50% จากเดิมกว่า 30%


นอกจากนี้ บริษัทฯได้เซ็นสัญญาเป็นพันธมิตรกับบริษัท โกลบอลสตาร์ ผู้ให้บริการด้านสื่อสารดาวเทียม จากสหรัฐ ซึ่งมึความเชี่ยวชาญในเทคโนโลยีระบบดาวเทียมวงโคจรต่ำ (LEO Satellite) และยังมีหลายรายที่บริษัทกำลังเจรจาอยู่ โดยการเป็นพันธมิตรกับโกลบอลสตาร์ เพื่อนำเทคโนโลยีมาใช้ในไทยและภูมิภาคนี้


บริษัทยังได้เซ็นสัญญากับ NXTDigirtal เป็น Media arm ของกลุ่ม Hinduja Group เป็นกลุ่มบริษัทใหญ่ในประเทศอินเดีย ซึ่งบริษัทมองอินเดียเป็นประเทศที่มีศักยภาพในการใช้ดาวเทียมสูง เพราะมีจำนวนประชากรจำนวนมาก ความต้องการจึงสูง และไม่มีทางที่จะลากสายไฟเบอร์ทั่วอินเดียใน 50 ปีได้ ดังนั้นดาวเทียมจึงมีบทบาทสำคัญในอินเดีย และการเป็นพันธมิตรกับ NXTDigirtal ก็จะทำให้สร้างโอกาสธุรกิจให้กับบริษัทด้วย


ขณะเดียวกัน บริษัทยังจะนำดาวเทียมที่มีอยู่ ซึ่งได้เช่าใช้ดาวเทียมไทยคม 4 และดาวเทียมอื่น ไปปูพื้นในตลาดอินเดีย อีก 2 ปี และต่อเนื่องไปดาวเทียมดวงใหม่ซึ่งใช้เวลาสร้าง 2-3 ปี ดังนั้นดาวเทียมดวงใหม่จะไม่ได้เริ่มต้นที่ศูนย์ แต่จะต่อเนื่องจากดาวเทียมที่ให้บริการก่อนหน้า


นอกเหรือธุรกิจ Satellite Broadbrand แล้ว โอกาสธุรกิจกับบริษัทยักษ์ใหญ่ในอินเดียก็ยังนำเทคโนโลยี AI/ML และ Satellite data analytic มาใช้ประโยชน์ในอินเดียเพราะปัญหาของอินเดียก็คล้ายกับไทย อาทิ ปัญหาภัยแล้ง น้ำท่วม การบริหารจัดการพื้นที่ ร่วมกับพันธมิตรท้องถิ่นเพื่อสร้าง solution ให้กับประเทศอินเดีย


นอกจากนี้บริษัทยังมองถึงการขยายธุรกิจเข้าไป New Space เป็นธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับอวกาศ ซึ่งทั่วโลกให้ความสนใจมาก และมีโอกาสในธุรกิจมากมาย ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของโลก โดยบริษัทได้เซ็นสัญญาเป็น Strategic Partner กับบริษัท Orbital Insight ซึ่งเป็นบริษัทชั้นนำจากสหรัฐฯ ที่ทำการวิเคราะห์ข้อมูลจากภาพถ่ายดาวเทียมให้เป็นธุรกิจต่อไป ใช้เทคโนโลยี AI/ML ในการประมวล วิเคราะห์ข้อมูล นำไปใช้ Smart City , ความมั่นคง , สถาบันการเงิน ทั้งธนาคาร บริษัทประกัน ที่สามารถวิเคราะห์เทรนเศรษฐกิจได้


บริษัทตั้งงบลงทุน 50-100 ล้านบาท ใช้ปรับปรุงประสิทธิภาพดาวเทียม ด้วยเทคโนโลยีใหม่ๆ รวมถึงการร่วมลงทุนกับโกลบอลสตาร์ ในการสร้างเกตเวย์


ส่วนงบลงทุนดาวเทียมดวงใหม่ขึ้นกับขนาด หากเป็นดาวเทียมขนาดไทยคม 8 มีงบลงทุน 150-200 ล้านเหรียญ ส่วนดาวเทียมขนาดใหญ่ไทยคม 4 ก็จะมีงบลงทุน 350-400 ล้านเหรียญ ทั้งนี้บริษัทจะลงทุนขนาดไหนจะพิจารณาว่า slot ที่จะเปิดประมูลวงโคจรดาวเทียมของกสทช. จะเป็น Slot ใด ว่าเป็นขนาดไหนจะลงทุนคุ้มกว่ากัน


อย่างไรก็ตาม คาดว่าบริษัทไม่จำเป็นต้องเพิ่มทุนเพื่อจัดหาเงินลงทุนสร้างดาวเทียมดวงใหม่ เพราะมีธนาคารเอ็กซิมแบงก์ทั้งสหรัฐและยุโรปเป็น Supporter Credit ให้กับบริษัทดาวเทียมอยู่แล้ว


ณ สิ้นไตรมาส 2/65 บริษัทมีเงินสดในมือ 5.5 พันล้านบาท ลดลงจากไตรมาส 2/64 ที่มี 7.2 พันล้านบาท


ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเกิดสัญญาณซื้อทางเทคนิคทะลุผ่านแนวต้านสำคัญที่ 12.00 ขึ้นไป หลังจากปรับตัวเพิ่มขึ้นไปเคลื่อนไหวเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 200 วัน ทำให้แนวโน้มของราคาหุ้นยังมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นไปทดสอบแนวต้านถัดไปที่ 14.00 ถ้าสามารถทะลุจุดสูงสุดใหม่ได้ต่อเนื่อง จะมีแนวต้านถัดไปที่ 18.00 แต่ถ้าปรับตัวลดลงต่ำกว่า 12.00 ลงไป แนวรับถัดไป 10.00



รู้ทันเกม รู้ก่อนใคร ติดตาม "ทันหุ้น" ที่นี่

FACEBOOK คลิก https://www.facebook.com/Thunhoonofficial/

YOUTUBE คลิก https://www.youtube.com/channel/UCYizTVGMealUUalT6VdUdNA

Tiktok คลิก https://www.tiktok.com/@thunhoon_

APP ทันหุ้น ANDROID คลิก https://qrgo.page.link/US6SA

APP ทันหุ้น IOS คลิก https://qrgo.page.link/QJKT7

LINE@ คลิก https://lin.ee/uFms4n5

TELEGRAM คลิก https://t.me/thunhoon_news 

Twitter คลิก https://twitter.com/thunhoon1

จาก
ถึง
Select...
หุ้น
Select...
หัวข้อ
Select...

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

อ่านต่อ

เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา  อ่านเพิ่มเติม

X