#BAFS #ทันหุ้น – BAFS เผยปริมาณเติมน้ำมันเฉลี่ยต่อวันแตะจุดคุ้มทุน ดันครึ่งปีหลัง 2565 มีกำไร ลั่นธุรกิจสามารถเทิร์นอะราวด์ จากไฮซีซัน ท่องเทียวหนุน อีกทั้งหากเชื่อมท่อส่งน้ำมันกับ Thappline จะประหยัดต้นทุนอย่างมีนัย ด้านโบรกชูปีหน้าพลิกกำไรกว่า 383 ล้านบาทแนะ “ซื้อ” เป้า 33 บาท

ม.ล.ณัฐสิทธิ์ ดิศกุล กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท บริการเชื้อเพลิงการบินกรุงเทพ จำกัด(มหาชน) หรือ BAFS คาดว่าผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งหลังของปี 2565 จะพลิกกลับมามีกำไรได้เนื่องจากปริมาณการเติมน้ำมันอากาศยานตั้งแต่งวดไตรมาส 3/2565 เฉลี่ยต่อวันของบริษัทอยู่ที่ 8.5-9 ล้านลิตร สูงกว่าจุดคุ้มทุน (Break Even Point) ที่ประมาณ 8.3 ล้านลิตรต่อวันแล้ว ขณะเดียวกันในช่วงไตรมาส 4/2565 ต่อเนื่องไตรมาส 1/2566 ก็เป็นช่วงไฮซีซันของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย สอดคล้องกับประเทศต่างๆ ทั่วโลกเริ่มผ่อนคลายมาตรการการเดินทางระหว่างทวีปมากขึ้น

เบื้องต้นบริษัทคาดการณ์ปริมาณการเติมน้ำมันอากาศยานทั้งปี 2565 จะทำได้กว่า 3 พันล้านลิตร เพิ่มขึ้น 83% เมื่อเทียบกับปี 2564 ที่ทำได้ 1,638 ล้านลิตร และจะเร่งตัวขึ้นต่อเนื่องอีก 40% แตะระดับ 4.2 พันล้านลิตรในปี 2566 คิดเป็นการฟื้นตัวประมาณ 68%เมื่อเทียบกับการให้บริการช่วงก่อนเกิดสถานการณ์โควิด-19 และจะกลับสู่ระดับปกติได้ในปี 2567 สอดคล้องกับการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมการบินโลก

ครึ่งหลังพลิกบวก

สำหรับการขนส่งน้ำมันทางท่อบริษัทได้ลูกค้าใหม่เข้ามาในช่วงครึ่งหลังของปี 2565 ดังนั้นคาดว่าทั้งปี 2565 จะมีปริมาณการขนส่งน้ำมันทางท่อทั้งสิ้น 502 ล้านลิตรเพิ่มขึ้น 52% YoY  และจะเพิ่มขึ้นเป็น 807 ล้านลิตร เพิ่มขึ้น 61% YoY ในปี 2566 แม้ว่าจะเหลือท่อขนส่งน้ำมันสายภาคเหนือเท่านั้น หลังขายสิทธิบริหารระบบท่อส่งน้ำมันช่วงกรุงเทพฯ-บางปะอิน ให้กับ บริษัท กรุงเทพขนส่งเชื้อเพลิงทางท่อและโลจิสติกต์ จำกัด (BFPL) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบมจ.บางจากคอร์ปอเรชั่น (BCP) มูลค่า 1,600  ล้านบาท โดยมีระยะเวลาการให้สิทธิรวม 20 ปี

“สถานการณ์บริษัท BAFS จะมีแนวโน้มดีขึ้นเรื่อย ๆ จนสามารถทำกำไรได้ในช่วงครึ่งหลังของปี 2565 เนื่องจากปริมาณการเติมน้ำมันถึงจุดคุ้มทุนแล้ว ตั้งแต่ช่วงปลายไตรมาสที่ 2/2565 เป็นต้นมา เนื่องจากปริมาณนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นทั้งในและต่างประเทศ และการกระจายการลงทุนในธุรกิจพลังงานสะอาด”

ขณะเดียวกันกลุ่มบริษัทยังมีรายได้จากธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศกำลังการผลิตเชิงพาณิชย์กว่า 49 เมกะวัตต์ มีรายเฉลี่ยประมาณ 80-90 ล้านบาทต่อปี  และรับรู้ส่วนแบ่งรายได้จากโครงการโรงไฟฟ้า ที่ประเทศญี่ปุ่นเฉลี่ยประมาณ 20-25 ล้านบาท รวมถึงการทยอยรับรู้รายได้ปีละ 80 ล้านบาท จาก  BFPL ตลอดระยะเวลาการให้สิทธิ 20 ปี

สำหรับการเชื่อมท่อขนส่งน้ำมันเข้ากับท่อส่งน้ำมันของบริษัท ขนส่งน้ำมันทางท่อ จำกัด หรือ NFPT เข้ากับท่อขนส่งน้ำมันของบริษัท ท่อส่งปิโตรเลียมไทย จำกัด (Thappline) นั้น คาดว่าจะมีความชัดเจนภายในปี 2566 เนื่องจากรัฐบาลตระหนักถึงความมั่นคงทางด้านพลังงาน รวมถึงการบริหารจัดการระบบการขนส่งอย่างมีประสิทธิภาพ เบื้องต้นบริษัทมีความพร้อมที่จะเริ่มดำเนินการหากได้ข้อสรุป

แนะ “ซื้อ” เป้า 33 บ.

บริษัทหลักทรัพย์ พาย จำกัด (มหาชน) คาดผลดำเนินงานทั้งปี 2565 ของ BAFSจะขาดทุนสุทธิลดลงเหลือ 234 ล้านบาท และจะพลิกกำไรสุทธิ 383 ล้านบาทในปี 2566 และคาดธุรกิจท่อส่งน้ำมันจะพลิกเป็นกำไรเร็วสุดภายในปี 2567 โดยThappline จะช่วยขนส่งผลิตภัณฑ์น้ำมันจากศูนย์กลางด้านการกลั่นในภาคตะวันออกถึงภาคเหนือซึ่งอาจใช้เวลาในการสร้างจุดเชื่อมต่อระยะทาง 50 กิโลเมตรประมาณ 1 ปีครึ่งซึ่งจะเป็นปัจจัยหนุนให้ปริมาณการขนส่งจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และสามารถประหยัดต้นทุนด้านการขนส่งได้อย่างมาก คำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเหมาะสม 33 บาท

อยากลงทุนสำเร็จ เป็นเพื่อนกับเรา พร้อมรับข่าวสารได้ทุกช่องทางที่
APP ทันหุ้น ANDROID คลิ๊ก https://qrgo.page.link/US6SA
APP ทันหุ้น IOS คลิ๊ก https://qrgo.page.link/QJKT7
LINE@ คลิ๊ก https://lin.ee/uFms4n5
FACEBOOK คลิ๊ก https://www.facebook.com/Thunhoonofficial/
YOUTUBE คลิ๊ก https://www.youtube.com/channel/UCYizTVGMealUUalT6VdUdNA
TELEGRAM คลิ๊ก https://t.me/thunhoon_news
Twitter คลิ๊ก https://twitter.com/thunhoon1