> Trendtalk > WHA

01 กันยายน 2022 เวลา 06:30 น.

WHA

#WHA #ทันหุ้น - ตลาดหุ้นไทยเมื่อวานปรับตัวลดลงเกิดสัญญาณขายทางเทคนิคที่แนวต้านของเส้นค่าเฉลี่ย 200 วันที่ 1635 หลังจากพยายามฟื้นตัวกลับขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 1650 ทำให้แนวโน้มหลักยังมีความเสี่ยงในการปรับตัวลดลงไปทดสอบแนวรับที่ 1600


สำหรับหุ้นที่น่าสนใจวันนี้ คือ WHA หรือ บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ดำเนินธุรกิจเป็นผู้นำในการให้บริการแบบครบวงจรที่ครอบคลุมทุกความต้องการของลูกค้าในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการให้บริการด้านโลจิสติกส์ โดยสามารถจำแนกส่วนธุรกิจได้เป็น 4 กลุ่ม ได้แก่ ธุรกิจพัฒนาและบริหารจัดการอสังหาริมทรัพย์ (Logistics Hub) ธุรกิจพัฒนานิคมอุตสาหกรรม (Industrial Development Hub) ธุรกิจให้บริการสาธารณูปโภคและพลังงาน (Utilities & Power Hub) และธุรกิจให้บริการด้านดิจิทัล (Digital Platform Hub)


ผลการดำเนินงานไตรมาสที่ 2 ปี 65 มีกำไรสุทธิ 289 ล้านบาท คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 0.0194 บาท กำไรเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 64 มีกำไรสุทธิ 260 ล้านบาท คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 0.0174 บาท


ผลการดำเนินงาน 6 เดือนแรกของปี 65 มีกำไรสุทธิ 945 ล้านบาท คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 0.0633 บาท กำไรเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 64 มีกำไรสุทธิ 394 ล้านบาท คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 0.0264 บาท


นางสาวจรีพร จารุกรสกุล ประธานคณะกรรมการบริษัท และประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บมจ.ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น (WHA) เปิดเผยว่า บริษัทได้ปรับเพิ่มเป้าหมายยอดขายที่ดินนิคมอุตสาหกรรมในปี 65 เป็น 1,650 ไร่ แบ่งเป็นในไทย 1,400 ไร่ และเวียดนาม 250 ไร่ จากเดิมวางเป้าหมายไว้ที่ 1,250 ไร่ เนื่องจากช่วงครึ่งปีแรกสามารถปิดดีลขายที่ดินไปได้แล้ว 513 ไร่ และในไตรมาส 3/65 มีแนวโน้มที่มากขึ้น โดยยังมีการเจรจาดีลขายที่ดินนิคมที่ได้ทำ MOU กับลูกค้าไว้แล้วจะทยอยปิดดีลอีก 230 ราย และยังมีดีลอื่นๆที่จะปิดการขายเพิ่มเติมในช่วงที่เหลือของปีนี้


บริษัทเห็นแนวโน้มการฟื้นตัวของผู้ประกอบการกลับมาเริ่มทยอยลงทุนกันมากขึ้น หลังจากการแพร่ระบาดโควิด-19 คลี่คลายลง หลายประเทศรวมถึงไทยกลับมาเปิดเมืองและประเทศ รวมถึงการผ่อนคลายมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดโควิด-19 โดยกลุ่มลูกค้าที่กลับมาลงทุนส่วนใหญ่เป็นกลุ่มนักลงทุนจากจีน ญี่ปุ่น สหรัฐ และยุโรป กลับเข้ามาเริ่มก่อสร้างโรงงานผลิตอีกครั้ง


ประกอบกับมีกระแสการย้ายฐานการผลิตจากจีนเข้ามาสู่อาเซียน ซึ่งไทยเป็นหนึ่งในประเทศเป้าหมายที่ภาคอุตสาหกรรมจะย้ายเข้ามา เช่นเดียวกับ เวียดนาม และอินโดนีเซีย ทำให้บริษัทได้อานิสงส์เชิงบวกในปัจจัยดังกล่าว


ขณะเดียวกัน มองว่าความขัดแย้งระหว่างสหรัฐฯและจีนที่ทวีความร้อนแรงขึ้นอีกครั้ง ส่งผลบวกต่อกลุ่มประเทศอาเซียนในแง่ของการย้ายฐานการผลิตมาอีกในระยะยาว เพื่อผลิตสินค้าส่วนประกอบต่าง ๆ ป้อนให้กับผู้ผลิตชั้นนำในโลก ทำให้การเติบโตทางด้านความต้องการที่ดินนิคมอุตสาหรรมเพื่อก่อสร้างโรงงานในกลุ่มอาเซียนที่เป็นประเทศเกิดใหม่มีสูงขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มสินค้าที่เกี่ยวข้องกับรถยนต์และรถยนต์ไฟฟ้า สินค้าอุปโภคและบริโภค และกลุ่มสินค้าอิเล็กทรอนิกส์


ส่วนยอดโอนที่ดินนิคมฯ ของบริษัทในปี 65 คาดว่าจะทะลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ 1,100 ไร่ จากการที่บริษัทสามารถปิดดีลขายที่ดินกับลูกค้าได้มากขึ้น โดยในช่วงครึ่งปีหลังยังมีมูลค่ายอดขายที่ดินที่รอโอน (Backlog) กว่า 649 ไร่ที่จะทยอยโอนเข้ามา และคาดว่าในปี 66 จะมี Backlog ที่ทยอยโอนเข้ามาอีกมากกว่า 1,000 ไร่


ด้านพื้นที่เช่าคลังสินค้าบริษัทยังมั่นใจว่าในปีนี้สามารถปิดดีลทำสัญญาลูกค้าเช่าพื้นที่คลังสินค้าใหม่ได้ตามเป้าที่วางไว้ที่ 185,000 ตารางเมตร จากที่ในช่วงครึ่งปีแรกบริษัทได้เซ็นสัญญาเช่าพื้นที่คลังสินค้ากับลูกค้าใหม่ไปแล้ว 98,214 ตารางเมตร รวมถึงมั่นใจว่าสามารถทำสัญญาลูกค้าเช่าคลังสินค้าระยะสั้นได้ตามเป้าที่ 100,000 ตารางเมตร จากครึ่งปีแรกทำสัญญาลูกค้าเช่าพื้นที่คลังสินค้าระยะสั้นไปแล้ว 96,071 ตารางเมตร


นอกจากนั้น ในช่วงไตรมาส 3/65 บริษัทยังมีการเจรจากับลูกค้าที่สนใจแช่าพื้นที่คลังสินค้ารวมกกว่า 300,000 ตารางเมตร ซึ่งจะทยอยทำสัญญาในช่วงที่เหลือของปีนี้ ซึ่งจะทำให้เป้าพื้นที่เช่าของบริษัทเป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ โดยที่ปัจจุบันบริษัทมีพื้นที่เช่าคลังสินค้าทั้งสิ้น 2.7 ล้านตารางเมตร ส่วนอาคารสำนักงานให้เช่าของบริษัทที่มีอยู่ 5 แห่งที่เปิดให้บริการ พื้นที่รวม 100,000 ตารางเมตร ปัจจุบันอัตราการเช่าอยู่ที่ 60% คาดว่าจะเริ่มมีผู้เช่าทยอยเข้ามาเช่าพื้นที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง


ในปลายปีนี้บริษัทจะขายสินทรัพย์ที่เป็นพื้นที่เช่าคลังสินค้า 159,000 ตารางเมตร มูลค่า 4 พันล้านบาท เข้ากองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าดับบลิวเอชเอ พรีเมี่ยม โกรท (WHART) และจะขายคลังสินค้าให้เช่าอีก 48,000 ตารางเมตร มูลค่า 1.3 พันล้านบาท เข้ากองทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ดับบลิวเอชเอ อินดัสเตรียล (WHAIR) ซึ่งจะทำให้บริษัทจะมีกำไรจากการขายสินทรัพย์เข้ามาหนุนผลงานในช่วงไตรมาส 4/65

ราคาหุ้นปรับตัวลดลงจากแรงขายทำกำไรในระยะสั้นหลังจากปรับตัวเพิ่มขึ้นไปเคลื่อนไหวเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 200 วันที่ 3.30 ทำให้แนวโน้มในระยะสั้นยังมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 3.60 แต่เป็นจังหวะขายทำกำไรตามกรอบแนวโน้มขาลง เพื่อรอการปรับฐานลงไปทดสอบแนวรับที่ 3.30 ถ้าหลุดจะมีแนวรับถัดไปที่ 3.16



รู้ทันเกม รู้ก่อนใคร ติดตาม "ทันหุ้น" ที่นี่

FACEBOOK คลิก https://www.facebook.com/Thunhoonofficial/

YOUTUBE คลิก https://www.youtube.com/channel/UCYizTVGMealUUalT6VdUdNA

Tiktok คลิก https://www.tiktok.com/@thunhoon_

APP ทันหุ้น ANDROID คลิก https://qrgo.page.link/US6SA

APP ทันหุ้น IOS คลิก https://qrgo.page.link/QJKT7

LINE@ คลิก https://lin.ee/uFms4n5

TELEGRAM คลิก https://t.me/thunhoon_news 

Twitter คลิก https://twitter.com/thunhoon1

จาก
ถึง
Select...
หุ้น
Select...
หัวข้อ
Select...

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

อ่านต่อ

เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา  อ่านเพิ่มเติม

X