> Trendtalk > BBL

27 เมษายน 2022 เวลา 06:10 น.

BBL

#BBL #ทันหุ้น - ตลาดหุ้นไทยเมื่อวานปรับตัวลดลงไปทดสอบแนวรับสำคัญที่ 1675 หลังจากพยายามฟื้นตัวกลับขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 1685 ซึ่งเราคาดว่า การปรับตัวลดลงต่ำกว่า 1675 ลงไป จะมีโอกาสปรับตัวลดลงต่อเนื่องไปทดสอบแนวรับถัดไปที่ 1630 และ 1600 โดยมีแนวต้านสำคัญที่ 1685


สำหรับหุ้นที่น่าสนใจวันนี้ คือ BBL หรือ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ดำเนินธนาคารพาณิชย์ที่ให้บริการทางการเงินครบวงจรแก่ธุรกิจทั้งขนาดใหญ่ SME ตลอดจนฐานลูกค้าบุคคล โดยมีสาขาในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ และมีเครือข่ายในต่างประเทศครอบคลุมเขตเศรษฐกิจสำคัญของโลก


ผลการดำเนินงาน ไตรมาส 1 ปี 65 กำไรสุทธิ 7,118 ล้านบาท คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 3.73 บาท กำไรเพิ่มขึ้น เมื่อเทียบกับผลการดำเนินงาน ไตรมาส 1 ปี 64 ที่มีกำไรสุทธิ 6,923 ล้านบาท คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 3.63 บาท


ในช่วงไตรมาสที่ 1 ของปี 2565 เศรษฐกิจไทยขยายตัวในอัตราที่ชะลอลง จากผลกระทบอันเนื่องมาจากการแพร่ระบาดของโควิดสายพันธุ์โอมิครอน ที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้นอีกรอบ รัฐบาลจึงต้องเข้มงวดเรื่องการเข้าเมืองอีกครั้ง ทำให้การฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศชะลอลง ขณะเดียวกัน สงครามระหว่างรัสเซียและยูเครน นำไปสู่การปรับเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมันและพลังงานโลก ตลอดจนราคาสินค้าโภคภัณฑ์บางประเภท ด้วยเหตุนี้ อัตราเงินเฟ้อจึงได้ปรับเพิ่มขึ้นในประเทศต่าง ๆ รวมถึงประเทศไทย ทำให้การบริโภคของภาคเอกชนภายในประเทศชะลอตัว นอกจากนี้ ยังทำให้ธนาคารกลางในบางประเทศต้องเร่งปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย ส่งผลกระทบต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจและการค้าโลก ทำให้ภาคการส่งออกของไทยในช่วง 2 เดือนแรกของปี 2565 ขยายตัวได้เพียงร้อยละ 12.2 จากเดิมที่เคยขยายตัวได้ถึงร้อยละ 22.1 ในไตรมาสก่อนหน้า ทั้งนี้ ในระยะข้างหน้าความผันผวนของตลาดการเงินและเศรษฐกิจโลก จะเป็นปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิดต่อไป


การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของประเทศไทยมีแนวโน้มว่าจะใช้เวลานานและไม่เท่ากัน โดยแต่ละธุรกิจใช้เวลาในการปรับตัวที่แตกต่างกันออกไป บางธุรกิจฟื้นตัวได้รวดเร็วเช่นกิจการส่งออกไปต่างประเทศ ในขณะที่บางธุรกิจฟื้นตัวช้ากว่าเช่นกิจการที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวและสันทนาการ ทั้งนี้ธนาคารกรุงเทพได้ดำเนินการช่วยเหลือลูกค้าในแต่ละภาคส่วนที่ได้รับผลกระทบในแต่ละช่วงที่ลูกค้าประสบปัญหาโดยเน้นให้การสนับสนุนสภาพคล่องทั้งในระยะสั้นเพื่อประคับประคองให้ธุรกิจอยู่รอด และสนับสนุนเงินทุนหมุนเวียนเมื่อธุรกิจกลับมาฟื้นตัว นอกจากนี้ ธนาคารดำเนินธุรกิจด้วยเจตนารมณ์ของการเป็น "เพื่อนคู่คิด มิตรคู่บ้าน" พร้อมแบ่งปันความรู้และความเชี่ยวชาญเพื่อสนับสนุนลูกค้าให้เติบโตอย่างยั่งยืน ด้วยการให้คำแนะนำในการปรับรูปแบบการดำเนินธุรกิจตามแนวโน้มของการเปลี่ยนแปลง หรือเพิ่มโอกาสในการขยายธุรกิจไปยังต่างประเทศ ในขณะเดียวกันธนาคารได้ให้ความสำคัญกับการบริหารความเสี่ยงให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม ควบคู่กับการรักษาเสถียรภาพฐานะการเงิน สภาพคล่อง และเงินกองทุนให้อยู่ในระดับที่แข็งแกร่ง


ธนาคารกรุงเทพและบริษัทย่อยรายงานกำไรสุทธิสำหรับไตรมาส 1 ปี 2565 จำนวน 7,118 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.8 จากไตรมาส 1 ปี 2564 โดยมีรายได้ดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มขึ้นร้อยละ 10.4 จากการเพิ่มขึ้นของปริมาณเงินให้สินเชื่อ ขณะที่ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิอยู่ที่ร้อยละ 2.11 สำหรับรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยลดลงร้อยละ 16.1 ส่วนใหญ่จากกำไรสุทธิจากเครื่องมือทางการเงินที่วัดด้วยมูลค่ายุติธรรมลดลงตามสภาวะตลาด และรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิลดลงจากธุรกิจบัตรเครดิต และบริการประกันผ่านธนาคารและกองทุนรวม ขณะที่ค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานลดลงร้อยละ 1.6 ส่งผลให้อัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้จากการดำเนินงานอยู่ที่ร้อยละ 49.8 ทั้งนี้ ธนาคารตั้งสำรองผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นจำนวน 6,489 ล้านบาท


ธนาคารกรุงเทพยังคงดำรงฐานะการเงิน สภาพคล่อง และเงินกองทุนให้อยู่ในระดับที่แข็งแกร่ง ตามแนวทางการดำเนินธุรกิจด้วยความระมัดระวังและรอบคอบ


ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2565 ธนาคารมีเงินให้สินเชื่อจำนวน 2,587,534 ล้านบาท อยู่ในระดับเดียวกับสิ้นเดือนธันวาคม 2564 โดยมีสินเชื่อธุรกิจรายใหญ่เพิ่มขึ้นสุทธิกับการลดลงของสินเชื่อกิจการต่างประเทศ สำหรับอัตราส่วนเงินให้สินเชื่อที่มีการด้อยค่าด้านเครดิตต่อเงินให้สินเชื่อรวมอยู่ที่ร้อยละ 3.3 ทั้งนี้ จากการที่ธนาคารยึดหลักการตั้งสำรองด้วยความระมัดระวังและรอบคอบมาอย่างต่อเนื่อง จึงทำให้อัตราส่วนค่าเผื่อผลขาดทุนด้านเครดิตต่อเงินให้สินเชื่อที่มีการด้อยค่าด้านเครดิตอยู่ในระดับที่แข็งแกร่งและเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 229.0


ธนาคารมีเงินรับฝาก ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2565 จำนวน 3,194,460 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.2 จากสิ้นปีก่อน เป็นผลจากการที่ลูกค้ายังคงต้องการดำรงสินทรัพย์ที่มีสภาพคล่องสูงในภาวะที่ยังมีความไม่แน่นอน ทำให้อัตราส่วนเงินให้สินเชื่อต่อเงินรับฝากอยู่ที่ร้อยละ 81.0 ขณะที่อัตราส่วนเงินกองทุนทั้งสิ้น อัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 และอัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 ที่เป็นส่วนของเจ้าของต่อสินทรัพย์เสี่ยงของธนาคารและบริษัทย่อยอยู่ที่ร้อยละ 19.5 ร้อยละ 16.0 และร้อยละ 15.2 ตามลำดับ ซึ่งอยู่ในระดับที่สูงกว่าอัตราส่วนเงินกองทุนขั้นต่ำตามที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนด

ราคาหุ้นปรับตัวลดลงเกิดสัญญาณขายทางเทคนิคหลุดแนวรับสำคัญที่ 135 ลงไป ทำให้แนวโน้มของราคาหุ้นยังมีความเสี่ยงในการปรับตัวลดลงต่อเนื่องไปทดสอบแนวรับของเส้นแนวโน้มขาขึ้น และเส้นค่าเฉลี่ย 200 วันที่ 125 เป็นจังหวะในการเข้าซื้อ และโดยมีแนวต้านที่ 135 และ 139 ถ้าทะลุผ่านขึ้นไปได้ จะเป็นสัญญาณซื้อทางเทคนิค



รู้ทันเกม รู้ก่อนใคร ติดตาม "ทันหุ้น" ที่นี่

FACEBOOK คลิก https://www.facebook.com/Thunhoonofficial/

YOUTUBE คลิก https://www.youtube.com/channel/UCYizTVGMealUUalT6VdUdNA

Tiktok คลิก https://www.tiktok.com/@thunhoon_

APP ทันหุ้น ANDROID คลิก https://qrgo.page.link/US6SA

APP ทันหุ้น IOS คลิก https://qrgo.page.link/QJKT7

LINE@ คลิก https://lin.ee/uFms4n5

TELEGRAM คลิก https://t.me/thunhoon_news 

Twitter คลิก https://twitter.com/thunhoon1

จาก
ถึง
Select...
หุ้น
Select...
หัวข้อ
Select...

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

อ่านต่อ

เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา  อ่านเพิ่มเติม

X