> กองทุน >

24 มกราคม 2022 เวลา 12:43 น.

คาดต้นปี65ตลาดผันผวน ถือเงินสดรอหุ้นปรับฐาน

ทันหุ้น-เคแบงก์ ไพรเวทแบงกิ้ง คาดตลาดหุ้นจะมีการปรับฐานแรงในช่วงต้นปี แนะกำเงินสดรอจังหวะเข้าลงทุน เน้นหุ้นเปิดเมือง หุ้นคุณค่า หุ้นวัฎจักร ยังไปต่อ ส่วนกลุ่มเทค และสินทรัพย์ที่วิ่งขึ้นไปสูงมีแววโดนขายหนักปีนี้ และยังคงให้น้ำหนักการลงทุนในหุ้น เพราะเศรษฐกิจโลกยังคงเติบโต


นายจิรวัฒน์ สุภรณ์ไพบูลย์ Private Banking Group Head ธนาคารกสิกรไทย หรือ เคแบงก์ ไพรเวทแบงกิ้ง กล่าวว่า ช่วงต้นปี 2565 ตลาดหุ้นทั่วโลกจะมีความผันผวนสูง จากการที่ธนาคารกลางหลายแห่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย เพื่อลดเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้นแรง รวมถึงธนาคารกลางสหรัฐพร้อมปรับลดวงเงิน QE ปัจจัยเหล่านี้ทางเคแบงก์ ไพรเวทแบงกิ้ง แนะนำให้ถือเงินสดรอจังหวะเข้าในช่วงที่ตลาดปรับฐานแรง


ผลตอบแทนไม่หวือหวา

ในขณะที่ผลตอบแทนจากการลงทุนในหุ้นปีนี้คงไม่หวือหวาเหมือนช่วง 2 ปีก่อนที่ผ่านมา แม้จะเผชิญกับวิกฤติโควิด-19 แต่หุ้นบางกลุ่มกลับทำผลตอบแทนได้สูงมาก โดยเฉพาะตลาดหุ้นสหรัฐ ข้อมูลจาก ลอมบาร์ด โอเดียร์ (Lombard Odier) ชี้ว่าในปีที่ผ่านมาตลาดหุ้นสหรัฐให้ผลตอบแทนได้สูงถึง 25%ต่อปี เช่นเดียวกับปี 2563 ที่ระดับ 25% เช่นกัน และเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยย้อนหลังผลตอบแทนจากตลาดหุ้นสหรัฐอยู่ที่ 7-8% เท่านั้น


นายจิรวัฒน์ กล่าวว่าในปีนี้ ตลาดหุ้นสหรัฐคงไม่ทำผลตอบแทนหวือหวาเท่ากับ2 ปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ตามหุ้นยังเป็นสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนดีในช่วงที่เศรษฐกิจฟื้นตัว ดังนั้นคาดว่าผลตอบแทนที่ระดับ 5-6% ยังเป็นตัวเลขที่ตลาดหุ้นทั่วโลกยังคงทำได้ 

 แต่ทั้งนี้ก็ต้องเลือกหุ้น และกลุ่มที่เติบโตได้ในสถานการณ์ปัจจุบัน ที่อยู่ในยุคเงินเฟ้อ และดอกเบี้ยขาขึ้น   


“เรามองว่าหุ้นเปิดเมือง หุ้นคุณค่า หุ้นวัฎจักร ปีนี้จะปรับตัวขึ้นดีกว่าหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่ขึ้นไปสูงแล้ว มุมมองดังกล่าวยังรวมถึงสินทรัพย์ที่วิ่งขึ้นไปแรงในช่วงที่ผ่านมาอย่างคริปโทด้วย ซึ่งแม้เราจะยังไม่มีการแนะนำลงทุน แต่ที่ผ่านมานักลงทุนมีการสอบถามเข้ามามาก เพราะเป็นช่วงขาขึ้นของสินทรัพย์ดังกล่าว”


อย่างไรก็ตาม การลงทุนในคริปโท มีความผันผวนสูง และวัดมูลค่าของสินทรัพย์ได้ยาก ที่ผ่านมา เคแบงก์ ไพรเวทแบงกิ้ง ก็ทำการศึกษา เพื่อหาแนวทางในการวัดมูลค่าที่แท้จริงให้ได้ แต่เนื่องจากคริปโทไม่มีสินทรัพย์หนุนหลังทำให้ไม่สามารถประเมินราคาได้ อย่างมากสุดคือบอกได้แค่ทิศทางขึ้นหรือลง ซึ่งไม่เพียงพอต่อการให้คำแนะนำ ทั้งนี้นักลงทุนที่สามารถรับความเสี่ยงได้สูง โดยมากจะลงทุนในระดับ 3-5%ของพอร์ตรวม


พอร์ตแนะนำ-ถือเงินสด

ดร.ตรีพล ภูมิวสนะ Senior Managing Director - Private Banking Business Head ธนาคารกสิกรไทย กล่าวต่อว่า ในส่วนของการจัดพอร์ตลงทุน เนื่องจากช่วงต้นปีมีความเสี่ยงสูงที่ตลาดจะผันผวนจากการปรับขึ้นดอกเบี้ย และการลดวงเงิน QE ดังนั้นแนะนำให้ถือเงินสดในสัดส่วน 5-8% เพื่อลดความผันผวนของพอร์ต และรอจังหวะเข้าในช่วงปรับฐาน ในขณะที่สัดส่วนลงทุนในหุ้นอยู่ที่ราว 32-35% โดยกระจายลงทุนทั้งตลาดเกิดใหม่ (EM) และตลาดที่พัฒนาแล้ว (DM) แต่ให้น้ำหนักตลาดDM เป็นหลัก   ส่วนตราสารหนี้ สัดส่วนอยู่ที่ 28-30% หุ้นกู้เอกชนสัดส่วน 14-15% อสังหาริมทรัพย์ หรือ REIT 2-3% สินทรัพย์ทางเลือก 8-9%


ดร.ตรีพล แนะนำว่า ในภาวะที่ตลาดหุ้น และตราสารหนี้มีความผันผวน สินทรัพย์ทางเลือกอย่าง ไพรเวท อิควิตี้ (Private Equity) ที่ผลตอบแทนมีความสัมพันธ์กับหุ้น และตราสารหนี้ที่ซื้อขายในตลาดต่ำ รวมถึงหุ้นกู้ที่มีอนุพันธ์แฝง (Structured note)เป็นสินทรัพย์ทางเลือกที่น่าสนใจเช่นกัน

จาก
ถึง
Select...
หุ้น
Select...
หัวข้อ
Select...

เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา  อ่านเพิ่มเติม

X