> เคล็ดลับลงทุน >

21 กันยายน 2021 เวลา 19:36 น.

European Tech โลกนี้ไม่ใช่มีแค่ US & China Tech

โดยปกติแล้วเมื่อเราพูดถึงบริษัทเทคโนโลยี สิ่งแรกที่นักลงทุนมักจะนึกถึง ได้แก่หุ้นกลุ่ม FAANG-BAT ซึ่งประกอบไปด้วยหุ้นเทคโนโลยีชั้นนำทั่วโลกอย่างหุ้น Facebook, Amazon, Apple, Netflix, Google (FAANG) ของสหรัฐฯ และหุ้น Baidu, Alibaba, Tencent (BAT) ของจีน แต่พอจะสังเกตเห็นไหมครับว่าหุ้นเทคโนโลยีของยุโรปกลับไม่ได้เป็นที่ถูกพูดถึงกันเท่าไรนัก ซึ่งสาเหตุส่วนหนึ่งนั้นเนื่องมาจากว่า ธุรกิจของบริษัทเทคโนโลยีในยุโรปนั้น มีความแตกต่างกันกับบริษัทเทคโนโลยีของสหรัฐฯ และจีน


โดย บริษัทเทคโนโลยีของยุโรปจะเน้นการทำธุรกิจแบบ B2B หรือ Business to Business เป็นหลัก ในขณะที่บริษัทเทคโนโลยีของสหรัฐฯ และจีน จะทำธุรกิจแบบ B2C หรือ Business to Customer เสียมากกว่า จึงทำให้ผู้บริโภคหรือผู้ใช้งานอย่างเราๆ มักจะคุ้นเคยคุ้นชินกับบริษัทเทคโนโลยีของสหรัฐฯ และจีนมากกว่า


โมเดลธุรกิจแตกต่าง

อย่างไรก็ดี อย่าลืมว่า การที่บริษัทเทคโนโลยีของสหรัฐฯ และจีน จะประกอบธุรกิจอยู่ได้อย่างที่เราเห็นกันในทุกวันนี้นั้น ยังต้องอาศัยทรัพยากรทางเทคโนโลยีอย่างมากมายจากบริษัทเทคโนโลยีของยุโรป เช่น บริษัท ASML ผู้ผลิตระบบลิโทกราฟีแบบใช้แสงที่ใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งเป็นเทคโนโลยีหลักที่ใช้สำหรับการสร้างวงจรไมโครอิเล็กทรอนิกส์ในปัจจุบัน ซึ่งจะเรียกได้ว่าเป็นผู้ผูกขาดตลาดนี้เพียงรายเดียวในโลกเลยก็ว่าได้


หรือ บริษัท ADYEN ผู้ออกแบบและพัฒนาแพลตฟอร์มสำหรับการชำระเงินแบบครบวงจร โดยมีลูกค้าเจ้าดังๆ มากมาย เช่น Uber, Netflix, Spotify, eBay ฯลฯ เป็นต้น ดังนั้น ตราบใดที่บริษัทเทคโนโลยีของสหรัฐฯ และจีน ยังสามารถเติบโตได้อยู่ บริษัทเทคโนโลยีของยุโรปก็มีแนวโน้มที่จะเติบโตสอดคล้องกันไปด้วยเช่นกัน


สำหรับคำถามที่จะเกิดขึ้นว่า ทำไมบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำของยุโรป ถึงน่าสนใจ ในปัจจุบัน หากเราลองพิจารณาจากMarket Cap. รวมของหุ้นเทคโนโลยีชั้นนำทั่วโลก ก็จะพบว่าไม่ได้เป็นเรื่องที่น่าแปลกใจเท่าไรนัก เพราะ Market Cap. รวมของหุ้นเทคโนโลยีของสหรัฐฯ และจีน คิดเป็นสัดส่วนราว 68% และ 17% ของ Market Cap.ตามลำดับ หรือรวมกันคิดเป็นสัดส่วนที่สูงถึง 85% ของMarket Cap. รวมทั้งหมดทั่วโลก ในขณะที่ Market Cap. รวมของหุ้นเทคโนโลยีของยุโรป มีสัดส่วนเพียง 10%ของ Market Cap. รวมทั้งหมดเท่านั้น


เทคยุโรปสัดส่วน1ใน4ของโลก

แต่ หากเราลองพิจารณาที่จำนวนของบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำทั่วโลก จะพบว่าแท้จริงแล้วนั้น บริษัทเทคโนโลยีมีการกระจายตัวอยู่ในหลากหลายภูมิภาคมากกว่าที่จะกระจุกตัวเพียงแต่ในสหรัฐฯ และจีน โดยมีบริษัทเทคโนโลยีที่อยู่ในยุโรปคิดเป็นสัดส่วนราว 23% ของบริษัทเทคโนโลยีทั้งหมดทั่วโลก หรือคิดเป็นสัดส่วนกว่า 1 ใน 4 ของบริษัทเทคโนโลยีทั้งหมดทั่วโลกด้วยซ้ำ


นอกจากนี้ อย่าลืมว่าการที่หุ้นเทคโนโลยีส่วนมากจะอยู่ในประเทศสหรัฐฯ และจีนเป็นหลัก ที่ผ่านมาผู้จัดการกองทุนและทีมงานนักวิเคราะห์ใช้เวลาส่วนมากไปกับการศึกษาหุ้นเทคโนโลยีของสหรัฐฯ และจีน และไม่ได้ให้ความสำคัญกับหุ้นเทคโนโลยีในยุโรปเท่าไรนัก จึงทำให้เกิดช่องว่างหรือเกิดโอกาสสำหรับการลงทุนในกลุ่มหุ้นเทคโนโลยีในยุโรปขึ้นมา


อัดฉีด1.8ล้านล้านยูโร

รวมถึงโอกาสจากนโยบายของ ทางสหภาพยุโรป (EU) ได้ผ่านร่างมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจขนาดใหญ่ วงเงินกว่า 1.8 ล้านล้านยูโร เพื่อใช้สำหรับการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงกรอบระยะเวลา 7 ปี นับตั้งแต่ปี 2021 ถึงปี 2027โดยประเด็นที่น่าสนใจได้แก่ การกำหนดข้อบังคับไว้ว่า อย่างน้อย 30% ของวงเงินกระตุ้นเศรษฐกิจชุดนี้ จะต้องเป็นการใช้จ่ายเพื่อรับมือกับปัญหาการเปลี่ยนแปลงทางสภาพอากาศ (EU Green Deal) เพื่อให้สามารถบรรลุเป้าหมาย Carbon Neutral ในปี 2050 ได้


นอกจากนี้ ยังมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอีกชุดหนึ่งที่เรียกว่า โครงการ Next Generation EU วงเงินกว่า7.5 แสนล้านยูโร โดยโครงการนี้จะใช้สำหรับกระตุ้นเศรษฐกิจจากผลกระทบที่เกิดขึ้นจากโควิด-19 โดยมีการกำหนดข้อบังคับไว้เช่นกันว่า อย่างน้อย 20%ของวงเงินกระตุ้นเศรษฐกิจชุดนี้ จะต้องเป็นการใช้จ่ายเพื่อสนับสนุนการเปลี่ยนแปลงสู่สังคมดิจิตอล


และหากเราลองเปรียบเทียบValuation ของบริษัทเทคโนโลยีในยุโรปกับบริษัทเทคโนโลยีของสหรัฐฯ จะพบว่า บริษัทที่อยู่ในอุตสาหกรรมเดียวกันและทำธุรกิจที่คล้ายคลึงกันของยุโรปกลับมีValuation ที่ถูกกว่าบริษัทของสหรัฐฯ อย่างชัดเจน ทั้งนี้ เนื่องจากว่าหุ้นเทคโนโลยีของยุโรปในช่วงที่ผ่านมายังไม่ได้เป็นที่สนใจของนักลงทุนในตลาดโลกสักเท่าไรนัก เนื่องด้วยเหตุผลในแง่ของ Market Cap. ที่กล่าวไว้เบื้องต้น อย่างไรก็ดี เราเชื่อว่าหลังจากนี้ นักลงทุนทั่วโลกจะเริ่มมองเห็นถึงโอกาสในการลงทุน และราคาหุ้นต่างๆ จะสามารถRe-rate ขึ้นมาซื้อขายในระดับ Valuationที่ใกล้เคียงกันกับหุ้นเทคโนโลยีของสหรัฐฯ ได้


จับโอกาสด้วย KT-EUROTECH

จากทั้งหมดนี้จึงเป็นที่มาของโอกาสในการลงทุนในกลุ่มหุ้นเทคโนโลยี ในยุโรป ซึ่งเป็นอีกหนึ่งในธีมการลงทุนระยะยาวที่สอดคล้องกับการพัฒนาและการเติบโตในกลุ่มเทคโนโลยีที่ถูกมองข้ามมาด้วยตลาดในช่วงที่ผ่านมา กองทุนเปิดเคแทม ยูโรเปียน เทคโนโลยี อิควิตี้ ฟันด์ หรือ KT-EUROTECH ที่จะไปเน้นลงทุนใน กองทุนรวมหลัก คือ JPMorgan Funds Europe Dynamic Technologies Fundที่มีทีมผู้จัดการกองทุนเฉพาะในการบริหารติดตามกลุ่มหุ้นเทคโนโลยีในยุโรปสำหรับกองทุนนี้



คอลัมน์: Investment Focus

โดย: ชัชพล สีวลีพันธ์
ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายกลยุทธ์ผลิตภัณฑ์ บลจ. กรุงไทย


จาก
ถึง
Select...
หุ้น
Select...
หัวข้อ
Select...

เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา  อ่านเพิ่มเติม

X