> อาหารสมอง >

11 พฤษภาคม 2021 เวลา 15:59 น.

ถุงมือยางไทย โอกาสในปี 64 ,ความท้าทายหลัง COVID-19

ทันหุ้น - การแพร่ระบาดของ COVID-19 ที่ยังคงยืดเยื้อในหลายภูมิภาคทั่วโลกในปัจจุบัน  จะส่งผลให้ปริมาณการใช้ถุงมือยางโลกในปี 2021  มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง  สอดคล้องกับการขยายกำลังการผลิตของผู้ประกอบการถุงมือยางไทย และมาเลเซีย  โดย EIC มองว่า ในปี 2021 จะยังคงเป็นตลาดของผู้ประกอบการถุงมือยาง (Seller’s market) ซึ่งแม้ว่าต้นทุนการผลิตจะมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นตามราคาวัตถุดิบอย่างน้ำยางข้น  แต่ตลาดโลกยังมีความต้องการใช้ถุงมือยางในปริมาณมาก  ทำให้ผู้ประกอบการยังสามารถปรับขึ้นราคาขายถุงมือยาง  และรักษาอัตรากำไรไว้ได้


· สำหรับในปี 2022 เป็นต้นไป น่าจะเป็นการเปลี่ยนผ่านจากความต้องการใช้ถุงมือยางสำหรับตรวจหาผู้ติดเชื้อ และรักษาผู้ป่วย COVID-19 ไปสู่การใช้ถุงมือยางสำหรับฉีดวัคซีนป้องกัน  ซึ่งแม้จะยังคงมีความต้องการใช้ถุงมือยางปริมาณมากอยู่  แต่การฉีดวัคซีนป้องกันจะเป็นการใช้ถุงมือยาง 2 คู่/ผู้ได้รับวัคซีน 1 คน  ขณะที่การใช้ถุงมือยางสำหรับรักษาผู้ป่วย COVID-19  จะต้องใช้อย่างต่อเนื่อง และยืดเยื้อมากกว่า  ซึ่งอาจส่งผลให้ปริมาณการใช้ถุงมือยางโลกในปี 2022  มีแนวโน้มเติบโตในอัตราที่ชะลอลงจากปี 2020 และ 2021  และอาจส่งผลให้อุตสาหกรรมถุงมือยางไทยเผชิญภาวะกำลังการผลิตถุงมือยางสูงเกินความต้องการมาก


· สำหรับในระยะต่อไป  การบริหารจัดการต้นทุนด้านวัตถุดิบ  และราคาขายถุงมือยางถือเป็นความท้าทายที่สำคัญสำหรับผู้ประกอบการ  จากแนวโน้มการทยอยฟื้นตัวของอุตสาหกรรมยานยนต์  ซึ่งจะทำให้มีการนำน้ำยางสดไปแปรรูปเป็นยางแผ่น และยางแท่งเพื่อผลิตยางรถยนต์มากขึ้น  และอาจส่งผลให้มีการขาดแคลนน้ำยางข้นเพื่อผลิตถุงมือยาง  ซึ่งจะทำให้ต้นทุนในการผลิตถุงมือยางพุ่งสูงขึ้นตามไปด้วย  ขณะที่การปรับราคาขายถุงมือยางตามต้นทุนวัตถุดิบที่ปรับตัวสูงขึ้นน่าจะทำได้ยากมากขึ้น  ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากปริมาณการผลิตถุงมือยางโลกมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นมาก  จากการเร่งขยายกำลังการผลิตของผู้ประกอบการถุงมือยางไทย  และมาเลเซียในปัจจุบัน


**การแพร่ระบาดของ COVID-19 ที่ยังคงยืดเยื้อในหลายภูมิภาคทั่วโลกในปัจจุบัน จะส่งผลให้ปริมาณการใช้ถุงมือยางโลกในปี 2021 มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง Malaysian Rubber Glove Manufacturers Association (MARGMA) คาดการณ์ว่า ปริมาณการใช้ถุงมือยางโลกในปี 2021 มีแนวโน้มอยู่ที่ 420,000 ล้านชิ้น ขยายตัว 17% จากปี 2020 ซึ่งอยู่ที่ 360,000 ล้านชิ้น ประกอบกับในเดือนมีนาคม 2021 COVID-19 ได้กลับมาแพร่ระบาดรุนแรงขึ้นอีกครั้งในหลายประเทศ  ส่งผลให้ความต้องการใช้ถุงมือยางโลกยังมีแนวโน้มขยายตัวสูงในปีนี้  นับเป็นโอกาสของผู้ประกอบการไทยในการผลิตและส่งออกถุงมือยางไปยังตลาดโลก  


โดยในไตรมาสแรกของปี 2021 ปริมาณการส่งออกถุงมือยางไทยอยู่ที่ 6,494 ล้านคู่ ขยายตัว 23% จากช่วงเดียวกันของปี 2020 ขณะที่มูลค่าการส่งออกถุงมือยางไทยอยู่ที่ 1,069 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัวสูงถึง 230% จากช่วงเดียวกันของปี 2020 นับเป็นการขยายตัวอย่างโดดเด่นต่อเนื่องจากปี  2020


นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 29 มีนาคม ที่ผ่านมา U.S. Customs and Border Protection (CBP) ได้ประกาศยุติการนำเข้าถุงมือยางจากทุกโรงงานของบริษัท Top Glove ซึ่งเป็นผู้ผลิตถุงมือยางรายใหญ่อันดับ 1 ของมาเลเซีย และของโลก จากประเด็นการละเมิดสิทธิแรงงาน หลังจากที่ในเดือนกรกฎาคม 2020 ที่ผ่านมา CBP ได้ประกาศยุติการนำเข้าถุงมือยางจาก 2 โรงงานของบริษัท Top Glove มาแล้ว จากประเด็นการละเมิดสิทธิแรงงาน  เช่น การใช้แรงงานเด็ก เอาเปรียบแรงงานข้ามชาติ การทำงานที่เป็นอันตราย  สภาพความเป็นอยู่ที่ไม่เหมาะสม EIC มองว่า สถานการณ์ดังกล่าว  น่าจะเป็นอานิสงส์ให้ผู้ประกอบการถุงมือยางไทยส่งออกถุงมือยางไปยังตลาดสหรัฐอเมริกาได้มากขึ้นตั้งแต่เดือนเมษายน  2021 เป็นต้นไป และมีโอกาสเพิ่มส่วนแบ่งตลาดถุงมือยางในสหรัฐอเมริกาได้  จากปัจจุบันที่สหรัฐอเมริกานำเข้าถุงมือยางจากไทยคิดเป็นสัดส่วน 15% ของปริมาณการนำเข้าถุงมือยางโดยรวม


**ผู้ประกอบการถุงมือยางไทย และมาเลเซียยังคงขยายกำลังการผลิตอย่างต่อเนื่อง ในปี  2020 ที่ผ่านมา ปริมาณการผลิตถุงมือยางโลกเพิ่มสูงขึ้น ทั้งจากผู้ผลิตไทย  และมาเลเซียที่เร่งขยายกำลังการผลิตเพื่อรองรับความต้องการใช้ถุงมือยางที่เพิ่มสูงขึ้นมาก  และสำหรับในปี 2021 นี้  ผู้ประกอบการถุงมือยางไทยก็ยังคงขยายกำลังการผลิตอย่างต่อเนื่อง  โดยกำลังการผลิตถุงมือยางของไทยโดยรวมจะมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอีกไม่ต่ำกว่า 10,000 ล้านชิ้น และจะทำให้ไทยมีกำลังการผลิตถุงมือยางโดยรวม ณ สิ้นปี 2021 ไม่ต่ำกว่า 56,000 ล้านชิ้น หรือเพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่า 22% จากปี 2020 ซึ่งนอกจากจะเป็นผลมาจากการขยายกำลังการผลิตของผู้ประกอบการถุงมือยางรายใหญ่ของไทยแล้ว อีกส่วนหนึ่งยังมาจากการเข้าสู่ตลาดของผู้ประกอบการรายใหม่  ๆ ทั้งไทย และต่างชาติที่เข้ามาลงทุนผลิตถุงมือยางในไทยมากขึ้นอีกด้วย


ขณะเดียวกันบริษัท Top Glove ซึ่งเป็นผู้ผลิตถุงมือยางรายใหญ่อันดับ 1 ของมาเลเซีย  และของโลก ก็ขยายกำลังการผลิตถุงมือยางอย่างต่อเนื่องเช่นเดียวกัน  โดยวางแผนเพิ่มกำลังการผลิตถุงมือยางอีก 19,000 ล้านชิ้นในปีนี้ 


คิดเป็นกำลังการผลิตรวม 110,000 ล้านชิ้น ขยายตัว 21% จากปี 2020 เช่นเดียวกับ Hartalega ซึ่งเป็นผู้ผลิตถุงมือยางรายใหญ่อันดับ 2 ของมาเลเซีย ที่วางแผนเพิ่มกำลังการผลิตถุงมือยางอีก 19,000 ล้านชิ้นในปีนี้ ซึ่งจะทำให้มีกำลังการผลิตรวม 63,000 ล้านชิ้น ขยายตัว 43% จากปีก่อนหน้า  การขยายกำลังการผลิตของผู้ผลิตถุงมือยางรายใหญ่ดังกล่าว  จะส่งผลให้กำลังการผลิตถุงมือยางของมาเลเซียโดยรวมในปี 2021 ไม่ต่ำกว่า 250,000 ล้านชิ้น คิดเป็นสัดส่วนไม่ต่ำกว่ากว่า 60% ของความต้องการใช้ถุงมือยางทั่วโลกในปี 2021


**EIC มองว่า ในปี 2021 จะยังคงเป็นตลาดของผู้ประกอบการถุงมือยาง (Seller’s market) ซึ่งแม้ว่าต้นทุนการผลิตจะสูงขึ้นจากราคาวัตถุดิบน้ำยางข้นที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น  แต่ตลาดโลกยังมีความต้องการใช้ถุงมือยางปริมาณมาก  ทำให้ผู้ประกอบการยังสามารถปรับขึ้นราคาขายถุงมือยาง  และรักษาอัตรากำไรเอาไว้ได้ ทั้งนี้อุตสาหกรรมยานยนต์ในปี 2020 ที่อยู่ในภาวะซบเซา  ส่งผลให้มีการนำน้ำยางสดไปแปรรูปเป็นยางแผ่น  และยางแท่งเพื่อผลิตยางรถยนต์ลดลง  


โดยสัดส่วนการนำยางพาราไปผลิตยางยานหาหนะของไทยในปี 2020 ลดลงมาอยู่ที่ 49% ของปริมาณการใช้ยางพาราในประเทศ จากในอดีตที่สัดส่วนการนำยางพาราไปผลิตยางยานหาหนะของไทยจะอยู่ที่ประมาณ 60% ของปริมาณการใช้ยางพาราในประเทศ  สวนทางกับความต้องการนำน้ำยางข้นไปใช้เป็นวัตถุดิบผลิตถุงมือยางที่เพิ่มสูงขึ้น  โดยนับตั้งแต่เริ่มเกิดการแพร่ระบาดของ COVID-19 ได้ส่งผลให้สัดส่วนการนำยางพาราไปผลิตถุงมือยางของไทยในปี 2020 เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 13% ของปริมาณการใช้ยางพาราในประเทศ เทียบกับปีก่อนหน้าซึ่งอยู่ที่ 10% ของปริมาณการใช้ยางพาราในประเทศ


ทั้งนี้ความต้องการนำน้ำยางสดไปแปรรูปเป็นน้ำยางข้นเพื่อผลิตถุงมือยางที่มากขึ้นดังกล่าว  ยังไม่ทำให้เกิดภาวะขาดแคลนน้ำยางสดในปี 2020 เนื่องจากภาวะหดตัวของอุตสาหกรรมยานยนต์ ทำให้มีการนำน้ำยางสดไปแปรรูปเป็นยางแผ่น และยางแท่งเพื่อผลิตยางรถยนต์ลดลง  และมีการแปรรูปน้ำยางสดเป็นน้ำยางข้นเพื่อผลิตถุงมือยางแทน 


อย่างไรก็ดี  ราคาน้ำยางข้นในปี 2020 ปรับตัวสูงขึ้น  โดยนอกจากจะได้รับปัจจัยหนุนจากความต้องการใช้ถุงมือยางที่ขยายตัวแล้ว ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2020  ยังได้รับปัจจัยหนุนจากราคายางพาราในตลาดโลกที่ปรับตัวสูงขึ้น  ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีน  ที่ทำให้ความต้องการใช้ยางพาราเริ่มฟื้นตัวดีขึ้นตามมา


**EIC มองว่า ราคาน้ำยางข้นในปี 2021 จะยังคงมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นได้อีกมาก โดยราคาเฉลี่ยล่าสุดในเดือนมีนาคม 2021 อยู่ที่ 50.1 บาท/กก.  ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องจากในเดือนธันวาคม 2020 ที่ราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 42.8  บาท/กก. ซึ่งสถานการณ์ราคาน้ำยางข้นที่ปรับตัวสูงขึ้นดังกล่าว ได้ส่งผลให้ต้นทุนการผลิตถุงมือยางปรับตัวสูงขึ้นตามไปด้วย อย่างไรก็ตาม EIC มองว่า ในปี 2021 นี้ จะยังเป็นตลาดของผู้ประกอบการถุงมือยาง (Seller’s market) ซึ่งแม้ว่าต้นทุนการผลิตจะสูงขึ้นตามราคาวัตถุดิบอย่างน้ำยางข้น  แต่ตลาดโลกก็ยังมีความต้องการใช้ถุงมือยางปริมาณมาก  ทำให้ผู้ประกอบการถุงมือยางยังสามารถปรับราคาขายถุงมือยางขึ้นได้  และรักษาอัตรากำไรเอาไว้ได้ สะท้อนได้จากราคาส่งออกถุงมือยางไทย  ที่ปรับตัวสูงขึ้นนับตั้งแต่เริ่มเกิดการแพร่ระบาดของ COVID-19


ทั้งนี้ความเสี่ยงในการขาดแคลนน้ำยางข้นถือเป็นความท้าทายของผู้ประกอบการถุงมือยางในปีนี้  โดยปริมาณผลผลิตยางพาราไทยในปีนี้มีแนวโน้มอยู่ที่ 4.8 ล้านตัน  เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากปี 2020 ที่ปริมาณผลผลิตอยู่ที่ 4.7 ล้านตัน  ขณะที่แนวโน้มการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมยานยนต์  จะทำให้มีการนำน้ำยางสดไปแปรรูปเป็นยางแผ่น  และยางแท่งเพื่อผลิตยางรถยนต์มากขึ้น  และนำมาซึ่งความเสี่ยงในการขาดแคลนน้ำยางข้น   ซึ่งยังเป็นที่ต้องการทั้งสำหรับการใช้เป็นวัตถุดิบเพื่อผลิตถุงมือยางในประเทศ  และการส่งออกในรูปวัตถุดิบเพื่อนำไปผลิตถุงมือยางในมาเลเซีย  ท่ามกลางสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 ที่ยังคงยืดเยื้อและมีแนวโน้มทวีความรุนแรงมากขึ้นในปัจจุบัน


**สำหรับในปี 2022 เป็นต้นไป น่าจะเป็นการเปลี่ยนผ่านจากความต้องการใช้ถุงมือยางสำหรับตรวจหาผู้ติดเชื้อ  และรักษาผู้ป่วย COVID-19 ไปสู่การใช้ถุงมือยางสำหรับฉีดวัคซีนป้องกัน ในเดือนมีนาคม 2021 COVID-19 ได้กลับมาแพร่ระบาดรุนแรงขึ้นอีกครั้งในหลายประเทศ  ประกอบกับปริมาณการใช้ถุงมือยางโลกที่ยังมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่องในระยะยาว  ตามการยกระดับบริการภาคสาธารณสุขทั่วโลก  การเพิ่มขึ้นของจำนวนประชากร การเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ  รวมถึงการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมการผลิตต่าง ๆ เช่น อาหาร อิเล็กทรอนิกส์  ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมที่จำเป็นต้องใช้ถุงมือยางในกระบวนการผลิตสินค้า  อย่างไรก็ดี จากการเริ่มทยอยฉีดวัคซีนป้องกัน COVID-19 ในหลายประเทศในปีนี้ น่าจะส่งผลให้การแพร่ระบาดของ COVID-19 มีแนวโน้มบรรเทาลง 


โดย EIC มองว่า ในปี 2022 เป็นต้นไป ความต้องการใช้ถุงมือยางจะเปลี่ยนผ่านจากการใช้สำหรับตรวจหาผู้ติดเชื้อ และรักษาผู้ป่วย COVID-19 ไปสู่การใช้ถุงมือยางสำหรับฉีดวัคซีนป้องกัน  ซึ่งแม้จะยังคงมีความต้องการใช้ถุงมือยางปริมาณมากอยู่  แต่การฉีดวัคซีนป้องกันจะเป็นการใช้ถุงมือยาง 2 คู่/ผู้ได้รับวัคซีน 1 คน  ขณะที่การใช้ถุงมือยางสำหรับรักษาผู้ป่วย COVID-19 จะต้องใช้อย่างต่อเนื่อง และยืดเยื้อมากกว่า  ซึ่งอาจส่งผลให้ปริมาณการใช้ถุงมือยางโลกในปี 2022  มีแนวโน้มเติบโตในอัตราที่ชะลอลงจากปี 2020 และ 2021 ซึ่งอยู่ที่ 21% และ 17% ตามลำดับ  สถานการณ์ดังกล่าว  อาจส่งผลให้อุตสาหกรรมถุงมือยางไทยเผชิญภาวะกำลังการผลิตถุงมือยางสูงเกินความต้องการมาก   รวมถึงการส่งออกถุงมือยางไทยมีแนวโน้มเผชิญการแข่งขันที่รุนแรงมากขึ้นในระยะต่อไป  โดยเป็นผลมาจากปริมาณการผลิตถุงมือยางโลกที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นมาก  จากการเร่งขยายกำลังการผลิตของผู้ประกอบการไทย และมาเลเซียในปัจจุบัน


**สำหรับในระยะต่อไป การบริหารจัดการต้นทุนด้านวัตถุดิบ และราคาขายถุงมือยางถือเป็นความท้าทายที่สำคัญสำหรับผู้ประกอบการ จากแนวโน้มการทยอยฟื้นตัวของอุตสาหกรรมยานยนต์  ซึ่งจะทำให้มีการนำน้ำยางสดไปแปรรูปเป็นยางแผ่น  และยางแท่งเพื่อผลิตยางรถยนต์มากขึ้น  และอาจส่งผลให้มีการขาดแคลนน้ำยางข้นเพื่อผลิตถุงมือยางตามมา  ยิ่งไปกว่านั้น สภาวะการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ (Climate  Change) ในไทยที่มีมีแนวโน้มเกิดถี่ขึ้นและรุนแรงมากขึ้น  ทั้งภัยแล้งซึ่งทำให้ผลผลิตน้ำยางสดลดลง  และฝนตกหนักซึ่งเป็นอุปสรรคต่อการกรีดยาง  จะยิ่งซ้ำเติมให้ภาวะขาดแคลนน้ำยางสดรุนแรงขึ้น  และดันให้ราคาปรับตัวสูงขึ้นโดยเฉพาะในช่วงที่มีผลผลิตออกมาน้อย  ซึ่งจะทำให้ต้นทุนวัตถุดิบในการผลิตถุงมือยางพุ่งสูงขึ้นตามไปด้วย  ขณะที่การปรับราคาขายถุงมือยางตามต้นทุนวัตถุดิบที่ปรับตัวสูงขึ้นน่าจะทำได้ค่อนข้างยากในระยะต่อไป  ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากปริมาณการผลิตถุงมือยางโลกมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นมาก  จากการเร่งขยายกำลังการผลิตของผู้ประกอบการถุงมือยางไทย  และมาเลเซียในปัจจุบัน ข้อจำกัดดังกล่าว


จะทำให้อัตรากำไรของผู้ประกอบการถุงมือยางลดลง  แตกต่างจากสถานการณ์ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2020 ถึงปี 2021  ซึ่งแม้ราคาน้ำยางข้นปรับตัวพุ่งสูงขึ้น  ตามความต้องการใช้ถุงมือยางที่ขยายตัว  และราคายางพาราในตลาดโลกที่ปรับตัวสูงขึ้น  แต่ก็ยังเป็นตลาดของผู้ประกอบการถุงมือยาง (Seller’s market) โดยผู้ประกอบการถุงมือยางไทย  และมาเลเซียสามารถปรับเพิ่มราคาถุงมือยางตามต้นทุนวัตถุดิบที่พุ่งสูงขึ้น  และรักษาอัตรากำไรเอาไว้ได้  เนื่องจากตลาดโลกยังมีความต้องการใช้ถุงมือยางปริมาณมากจากการแพร่ระบาดของ COVID-19


อีกทั้ง  ในระยะต่อไป  หากการแข่งขันส่งออกถุงมือยางในตลาดโลกรุนแรงมากขึ้นในระดับที่เกิดภาวะการแข่งขันด้านราคา แนวโน้มการแข็งค่าของเงินบาทก็อาจยิ่งซ้ำเติมให้ถุงมือยางไทยสูญเสียความสามารถในการแข่งขันด้านราคาส่งออก  และสูญเสียส่วนแบ่งตลาดส่งออกถุงมือยางให้กับมาเลเซียได้  โดยค่าเงินริงกิตมาเลเซียเทียบกับดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าสะสมอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2014 เป็นต้นมา นับเป็นความท้าทายต่อการส่งออกถุงมือยางไทยที่สำคัญในระยะข้างหน้าด้วยเช่นกัน


**ดังนั้น การลงทุนหรือการขยายกำลังการผลิตถุงมือยางของผู้ประกอบการไทยควรเป็นไปอย่างระมัดระวัง  เพื่อไม่ให้มีกำลังการผลิตส่วนเกินมากเกินไป หากสถานการณ์กลับเข้าสู่ภาวะปกติ


โดยผู้ประกอบการถุงมือยางอาจกระจายความเสี่ยงด้วยการผลิตถุงมือยางประเภทอื่น  ๆ เช่น ถุงมือยางสำหรับภาคอุตสาหกรรม ถุงมือยางสำหรับครัวเรือน  นอกเหนือไปจากถุงมือยางทางการแพทย์  รวมถึงการพัฒนาคุณสมบัติถุงมือยางเพื่อตอบโจทย์ความต้องการใช้เฉพาะทางมากยิ่งขึ้น  เช่น น้ำหนักเบา  ยืดหยุ่น ทนความร้อนหรือสารเคมีได้ดีขึ้น ลดความอับชื้นระหว่างสวมใส่  รวมไปถึงการปรับสูตรการผลิตเพื่อตอบโจทย์ผู้ที่แพ้สารโปรตีนในน้ำยางธรรมชาติ  ก็จะช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับถุงมือยางได้


นอกจากนี้ มาตรการกีดกันทางการค้าที่ไม่ใช่ภาษี (Non-tariff Barriers : NBTs) ที่ประเทศคู่ค้าอาจหยิบยกมาเป็นเงื่อนไขทางการค้า  ก็เป็นประเด็นที่ทุกภาคส่วนของไทยต้องเตรียมพร้อมรับมือ  เพื่อลดอุปสรรคด้านการค้าในอนาคต  เช่น ประเด็นการละเมิดสิทธิแรงงาน  ที่สหรัฐอเมริกาได้ยกขึ้นมาเป็นข้ออ้างในการแบนการนำเข้าถุงมือยางจากผู้ประกอบการบางรายในมาเลเซียแล้ว  รวมถึงมาตรการด้านสิ่งแวดล้อมของประเทศพัฒนาแล้ว  ก็เป็นแรงผลักให้ผู้ประกอบการถุงมือยางไทยต้องเร่งพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตถุงมือยางที่ย่อยสลายง่าย  เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อรักษาขีดความสามารถในการแข่งขันให้อุตสาหกรรมถุงมือยางไทยเติบโตได้อย่างยั่งยืน


ผู้เขียนบทวิเคราะห์ : กัญญารัตน์ กาญจนวิสุทธิ์  นักวิเคราะห์อาวุโส Economic Intelligence Center (EIC) ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ Economic Intelligence Center (EIC) ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน)


อยากลงทุนสำเร็จ เป็นเพื่อนกับเรา พร้อมรับข่าวสารได้ทุกช่องทางที่
APP ทันหุ้น ANDROID คลิก
https://qrgo.page.link/US6SA
APP ทันหุ้น IOS คลิก
https://qrgo.page.link/QJKT7
LINE@ คลิก
https://lin.ee/uFms4n5
FACEBOOK คลิก
https://www.facebook.com/Thunhoonofficial/
YOUTUBE คลิก
https://www.youtube.com/channel/UCYizTVGMealUUalT6VdUdNA
TELEGRAM คลิก
https://t.me/thunhoon_news
Twitter คลิก
https://twitter.com/thunhoon1

จาก
ถึง
Select...
หุ้น
Select...
หัวข้อ
Select...

เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา  อ่านเพิ่มเติม

X