ถอดรหัสความสำเร็จ Tencent เจ้าพ่อแพลตฟอร์มออนไลน์ครอบจักรวาลจากจีน

หากมีการสำรวจแอปพลิเคชันที่ชาวจีนนิยมใช้มากที่สุด เชื่อว่าอันดับต้นๆ ต้องมีแอปฯจากบริษัท Tencent แน่นอน ด้วยความที่ครอบคลุมทุกไลฟ์สไตล์ ทั้งการแชต ชำระเงินทางออนไลน์ เกม เพลง หรือคอนเทนต์สตรีมมิงต่างๆ การันตีด้วยยอดผู้ใช้งานที่เพิ่มขึ้นทุกปี แต่การก้าวขึ้นมาเป็นเจ้าพ่อแพลตฟอร์มออนไลน์สุดฮิตและบริษัทไอทีชั้นนำระดับโลกนั้นไม่ง่ายเลย วันนี้เราลองมาทำความรู้จักและถอดรหัสความสำเร็จของ Tencent กันดูครับ

จุดกำเนิด Tencent

หากย้อนกลับไปเมื่อปี 1998 Pony Ma ได้รวมตัวกับเพื่อนอีก 4 คน ก่อตั้งบริษัทชื่อว่า Tencent โดยมีผลงานสร้างชื่ออย่าง โปรมแกรมแชตในคอมพิวเตอร์ QQ ซึ่งต่อมาได้พัฒนามาเป็นเว็บพอร์ทัล QQ.com ที่มีผู้ใช้งานเป็นอันดับต้นๆ ของจีน และได้จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกงด้วยเงินมูลค่ากว่า 200 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2004

ต่อมาในปี 2008 Tencent บุกตลาดเกมออนไลน์ด้วยการเริ่มต้นซื้อลิขสิทธิ์เกมจากต่างประเทศ จนปัจจุบันได้ขยายธุรกิจเกมทั้งออนไลน์และออฟไลน์ด้วยการซื้อหุ้นจากบริษัทเกมต่างๆ รวมถึงผลิตเกมเป็นของตัวเองในนาม Tencent Games ซึ่งได้รับความนิยมไปทั่วโลก โดยมีรายได้จากธุรกิจเกมมากกว่า 40% จากสัดส่วนรายได้ทั้งหมด

จากธุรกิจเกมออนไลน์ก็มาถึงยุคของการพัฒนาแอปพลิเคชันบนสมาร์ทโฟน โดย Pony Ma มองว่าในอนาคตสมาร์ทโฟนจะ กลายเป็นสิ่งที่ทุกคนขาดไม่ได้ ในปี 2010 จึงให้ทีมงานพัฒนาแอปฯแชตที่สามารถใช้งานบนสมาร์ทโฟนได้ จนออกมาเป็น WeChat ที่เปิดตัวในปี 2011 อย่างไรก็ดี Tencent มองเห็นโอกาสที่จีนผลักดันประเทศสู่สังคมไร้เงินสด (Cashless Society) จึงปล่อยฟีเจอร์ใหม่ในแอปฯอย่าง WeChat Pay ให้บริการธุรกรรมทางการเงินที่ตอบโจทย์คนทุกเพศทุกวัย

อาทิ ชำระค่าสินค้าและบริการ โอนเงิน สั่งอาหาร เรียกรถแท็กซี่ จองตั๋วเครื่องบิน หรือบริการสุดล้ำอย่างการส่งอั่งเปาแบบดิจิทัลให้ครอบครัวในช่วงเทศกาลตรุษจีน จากการใช้งานที่ง่าย สะดวกครบในแอปฯเดียวนี้ ทำให้ปัจจุบัน WeChat มียอดผู้ใช้งานทะลุ 1 พันล้านคนไปแล้ว

Jooxธุรกิจสร้างชื่อให้ Tencent

นอกจากนี้ ยังมีอีกหนึ่งธุรกิจที่สร้างชื่อให้กับ Tencent นั่นคือ Joox แอปฯสตรีมมิงเพลงชื่อดัง โดยเปิดตัวครั้งแรกที่ฮ่องกงในปี 2014 จากความสะดวกในการเลือกฟังทั้งจากคอมพิวเตอร์และสมาร์ทโฟน ทำให้ครองใจผู้ใช้งานได้ทั่วโลก รวมถึงในไทยด้วย และความน่าสนใจอีกอย่างหนึ่ง คือการแตกไลน์ธุรกิจสู่ Tencent Entertainment Music ที่เน้นลงทุนในค่ายเพลงชั้นนำระดับโลกอย่าง Universal Music, Warner Music, Sony Music รวมถึงแอปฯสตรีมมิงเพลงสัญชาติอเมริกันอย่าง Spotify ด้วย

ปัจจุบัน Tencent แบ่งกลุ่มธุรกิจออกเป็น 2 ส่วนหลัก คือ 1) ธุรกิจสื่อสาร เช่น เว็บไซต์ แอปพลิเคชัน เกมออนไลน์ และ 2) ธุรกิจร้านค้าคิว-เจน ที่จำหน่ายสินค้าและของที่ระลึกภายใต้แบรนด์ QQ ซึ่งประสบความสำเร็จทั้งในจีนและในหลายประเทศทั่วโลก โดยความสำเร็จดังกล่าวทำให้ Pony Ma ซึ่งเป็น CEO ของบริษัทคว้าตำแหน่งมหาเศรษฐีอันดับที่ 18 ของโลก ด้วยมูลค่าทรัพย์สินกว่า 62.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

อย่างไรก็ดี ความน่าสนใจของ Tencent ที่ทำให้ประสบความสำเร็จมาจนถึงทุกวันนี้ นั่นก็คือ 1) เข้าใจความต้องการของลูกค้า โดยหยิบพฤติกรรมหรือความต้องการของผู้ใช้งานจริงมาพัฒนาสินค้าและบริการให้ดียิ่งขึ้น พิสูจน์จากฟีเจอร์ในแอปฯต่างๆ ที่ตอบโจทย์และใช้งานและตอบโจทย์ผู้ใช้งาน  2) คิดแล้วทำเลย เพราะคู่แข่งเกิดขึ้นทุกเวลา หากช้าเพียงก้าวเดียวอาจสายเกินไป และ 3) ลงทุนในบริษัทชั้นนำทั่วโลก เพื่อขยายโอกาสทางธุรกิจอย่างไม่หยุดนิ่ง

โอกาสลงทุนกับ Tencent

สำหรับใครที่ต้องการเติบโตไปพร้อมกับ Tencent ขอแนะนำกองทุน K-CHINA จากบลจ.กสิกรไทย ซึ่งมีนโยบายลงทุนผ่านกองทุนหลัก JPMorgan Funds - China Fund, Class JPM China I (acc) - USD ที่เน้นลงทุนหุ้นจีนในทุกตลาดทั่วโลก (All China) ได้แก่ หุ้นจีน A-Share, H-Share และหุ้นจีนที่จดทะเบียนในอเมริกา (ADR) ครอบคลุมทั้งหุ้นเติบโต (Growth) คุณภาพสูง (High Quality) และอยู่ในกลุ่มธุรกิจใหม่ (New Economy) ซึ่งหนึ่งในนั้นก็มี Tencent รวมอยู่ด้วย

เชื่อแน่ว่าความสำเร็จของ Tencent จะไม่หยุดอยู่เพียงเท่านี้ ตราบใดที่ความต้องการหรือความนิยมจากผู้บริโภคทั่วโลกเปลี่ยนแปลงได้ในทุกวัน เพราะด้วยวิสัยทัศน์ของผู้บริหาร รวมถึงเจตนารมณ์ที่ต้องการสร้างสรรค์สินค้าและบริการที่ทันสมัย ตอบโจทย์การใช้งานในชีวิตประจำวัน ถือเป็นกุญแจดอกสำคัญที่จะเป็นแรงผลักดันให้ธุรกิจขับเคลื่อนและเติบโตต่อไปได้...อย่างไม่มีวันสิ้นสุด ดูรายละเอียดเพิ่มเติมของกองทุน K-CHINA ได้ที่ https://bit.ly/2LXDzgL