ทันหุ้น – ERW การแผน 5 ปี เป็น Budget Hotel ในภูมิภาคเอเซียแปซิฟิก วางงบลงทุน 8,000-10,000 ล้านบาท เพิ่ม Hop Inn ทั้งในไทย–ฟิลิปปินส์ ดันสัดส่วนรายได้แตะ 40% ของรายได้รวม คาดนักท่องเที่ยวฟื้นปี 2567

นายเพชร ไกรนุกูล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ดิ เอราวัณ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ ERW เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้าเป็น Budget Hotel ในภูมิภาคเอเซียแปซิฟิก ในระยะเวลา 5 ปี (2564-2568) ซึ่งเป็นกลุ่มโรงแรมที่บริษัทมีความเชี่ยวชาญในการพัฒนา อีกทั้งยังเป็นตลาดที่มีการแข่งขันน้อย โดยจะเน้นเพิ่มสัดส่วนโรงแรมประเภท Hop Inn ในประเทศไทยให้ถึง 100 แห่งและในฟิลิปปินส์ให้ถึง 15 แห่ง เพื่อผลักดันสัดส่วนรายได้อยู่ที่ประมาณ 40% ของรายได้รวมทั้งกลุ่มจากปัจจุบันประมาณ 16% ของรายได้รวม

ทั้งนี้ บริษัทตั้งงบลงทุนระยะ 5 ปีไว้ที่ 8,000-10,000 ล้านบาท แบ่งเป็นเงินลงทุนพัฒนาโรงแรม Hop Inn ประมาณ 1,500 ล้านบาท ที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง 12 แห่ง แยกเป็นในไทย 7 แห่ง และในฟิลิปปินส์อีก 5 แห่ง, ค่าใช้จ่ายบำรุงรักษาทั่วไปของโรงแรมที่มีอยู่ ประมาณ 2,500 ล้านบาท, และอีก 4,000-6,000 ล้านบาน ไว้สำหรับพิจารณาลงทุนในโครงการที่มีศักยภาพในอนาคต

*คาดนักท่องเที่ยวฟื้นปี 2567

อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าปี 2564 ธุรกิจโรงแรมยังมีความท้าทายสูง เนื่องจากยังมีความไม่แน่นอนจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในประเทศ และทั่วโลก แม้จะเริ่มทยอยฉีดวัคซีนโควิด-19 มาอย่างต่อเนื่อง แต่ยังคงต้องติดตามผลและประสิทธิภาพของวัคซีนว่าจะสามารถสร้างความเชื่อมั่น ซึ่งจะเป็นปัจจัยหนุนให้เกิดการเดินทางระหว่างประเทศได้ในช่วงโควิด

ทั้งนี้ในช่วงครึ่งแรกของปี 2564 ธุรกิจโรงแรมจึงยังคงต้องพึ่งพานักท่องเที่ยวในประเทศ รวมถึงมาตรการภาครัฐที่จะเข้ามาสนับสนุนให้เกิดการเดินทางท่องเที่ยวและการจับจ่ายใช้สอยเป็นหลัก ขณะเดียวกันก็ต้องติดตามนโยบายของประเทศเป้าหมายทั่วโลกว่าจะเริ่มผ่อนคลาย และอนุญาติให้ประชาชนของตนเดินทางออกนอกประเทศได้ภายในช่วงปลายปี 2564 นี้หรือไม่

เบื้องต้น บริษัทคาดว่าสถานการณ์ในกลุ่มธุรกิจท่องเที่ยวพ้นจุดต่ำสุดมาแล้ว และจะทยอยฟื้นตัวขึ้นตามมาตรการผ่อนคลายของแต่ละประเทศ โดยคาดว่าจะกลับเข้าสู่สถานการณ์ก่อนเกิดวิกฤติโควิด-19 ได้ในปี 2567

*ปี 63 ขาดทุน 1.7 พันล้าน

นางสาววรมน อิงคตานุวัฒน์ รองกรรมการผู้จัดการ และประธานเจ้าหน้าที่การเงิน ERW กล่าวว่า ผลประกอบการไตรมาส 4/2563 ขาดทุนสุทธิลดลงมาอยู่ที่ 474 ล้านบาท เมื่อเทียบกับไตรมาส 3/2563 ที่ขาดทุนสุทธิ 514 ล้านบาท แต่หากตัดรายการพิเศษขาดทุนจากการด้อยค่าสินทรัพย์ที่ไม่ใช่สินทรัพย์ทางการเงิน (Impairment) ราว 130 ล้านบาท ผลขาดทุนปกติอยู่ที่ 344 ล้านบาท (ดีขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาส 3/2563)

โดยรายได้ธุรกิจโรงแรมอยู่ที่ 564 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 38% เมื่อเทียบกับไตรมาส 3/2563, แต่ลดลง 66% เมื่อเทียบกับปี 2562 อัตราค่าที่พักเฉลี่ย (RevPar ex) ของโรงแรม Hop Inn อยู่ที่ -83% ในปี 2563 สำหรับโรงแรม Hop Inn ในฟิลิปปินส์ได้กลับมาเปิดให้บริการเพื่อเป็นโรงแรมสำหรับ ASQ ทั้งหมด มี Occupancy ที่ 33% ดีขึ้นเล็กน้อยจาก 27% ในไตรมาส 3/2563

สำหรับผลการดำเนินงานทั้งปี 2563 บริษัทมีรายได้รวม 2,348 ล้านบาท ลดลง 64% จากปี 2562 ที่รายได้รวม 6,439 ล้านบาท โดยบริษัทได้บริหารค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานลดลงได้ตามเป้าหมายที่ 45% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ทำให้ ณ สิ้นปีที่ผ่านมาขาดทุนสุทธิ 1,715 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 446 ล้านบาท

อยากลงทุนสำเร็จ เป็นเพื่อนกับเรา พร้อมรับข่าวสารได้ทุกช่องทางที่
APP ทันหุ้น ANDROID คลิ๊ก https://qrgo.page.link/US6SA
APP ทันหุ้น IOS คลิ๊ก https://qrgo.page.link/QJKT7
LINE@ คลิ๊ก https://lin.ee/uFms4n5
FACEBOOK คลิ๊ก https://www.facebook.com/Thunhoonofficial/
YOUTUBE คลิ๊ก https://www.youtube.com/channel/UCYizTVGMealUUalT6VdUdNA
TELEGRAM คลิ๊ก https://t.me/thunhoon_news
Twitter คลิ๊ก https://twitter.com/thunhoon1