> Trendtalk > CKP

25 กุมภาพันธ์ 2021 เวลา 06:10 น.

CKP

ตลาดหุ้นไทยเมื่อวานปรับตัวลดลงเกิดสัญญาณขายทางเทคนิคลงไปเคลื่อนไหวต่ำกว่าระดับ 1500 จุด หลังจากฟื้นตัวค่อนข้างแรงในระยะสั้น ทำให้แนวโน้มหลักยังมีความเสี่ยงในการปรับตัวลดลงไปทดสอบแนวรับถัดไปที่ 1465 และ 1440 จุดตามกรอบแนวโน้มขาลง


สำหรับหุ้นที่น่าสนใจวันนี้ คือ CKP หรือ บริษัท ซีเค พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) ดำเนินธุรกิจธุรกิจหลักโดยการถือหุ้นในบริษัทอื่น (Holding Company) ที่ประกอบธุรกิจที่ผลิตและจำหน่ายไฟฟ้า โดยมีบริษัท ไฟฟ้าน้ำงึม 2 จำกัด ซึ่งประกอบธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังน้ำเป็นบริษัทแกน


ผลการดำเนินงานปี 63 มีกำไรสุทธิ 404 ล้านบาท คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 0.05 บาท กำไรลดลง เมื่อเทียบกับผลการดำเนินงานปี 62 ที่มีกำไรสุทธิ 768 ล้านบาท คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 0.10 บาท


นายธนวัฒน์ ตรีวิศวเวทย์ กรรมการผู้จัดการ บมจ. ซีเค พาวเวอร์ (CKP) กล่าวว่า ในปี 2564 นี้ CKP มีการจัดสรรงบลงทุนไว้ประมาณ 2,000 - 4,000 ล้านบาท สำหรับการลงทุนในโครงการพลังน้ำขนาดใหญ่และโครงการ Renewable โดยมีแหล่งที่มาของเงินทุนจากการออกหุ้นกู้


CKP คาดว่าในปีนี้จะมีรายได้โตประมาณ 10-15% ซึ่งจะเป็นรายได้จากโรงไฟฟ้าพลังน้ำ น้ำงึม 2 (NN2) ที่มีการสำรองน้ำในอ่างเก็บน้ำในปลายปี 2563 เพื่อใช้ผลิตไฟฟ้า และคาดการณ์ว่าปริมาณน้ำไหลเข้าอ่างเก็บน้ำในปีนี้จะมากกว่าปีก่อน เช่นเดียวกับปริมาณน้ำไหลผ่านโรงไฟฟ้าไซยะบุรีก็คาดการณ์ว่าจะมากกว่าปีก่อนเช่นกัน ส่วนโรงไฟฟ้าบางปะอิน โคเจนเนอเรชั่น 1 (BIC-1) และโรงไฟฟ้าบางปะอิน โคเจนเนอเรชั่น 2 (BIC-2) ยังคงผลิตไฟฟ้าได้ต่อเนื่องตามปกติ ขณะที่โรงไฟฟ้าแสงอาทิตย์อีก 7 แห่ง จะสามารถจ่ายไฟได้เต็มปีใน 2564 นอกจากนี้ บริษัทฯ มีแผนที่จะขยายการลงทุนในธุรกิจ Renewable Energy ซึ่งเป็นพลังงานที่สะอาดและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ถือเป็นโอกาสที่ได้ขยายธุรกิจให้เติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืนในอนาคตอีกด้วย


ปี 2563 CKP มีกำไรสุทธิจากการดำเนินงานปกติในส่วนของผู้ถือหุ้นบริษัทรวม 404.7 ล้านบาท โตขึ้น 212.7 ล้านบาท จากปี 2562 ที่มีกำไรจากการดำเนินงานปกติ (ไม่รวมการรับรู้กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียวของบริษัท ไซยะบุรี พาวเวอร์ จำกัด (XPCL) ในปี 2562) เพียง 192 ล้านบาท หรือเติบโตเพิ่มขึ้น 110.8% ขณะที่ในไตรมาส 4 มีกำไรสุทธิ 7.8 ล้านบาท พลิกสร้างกำไรโตถึง 112.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2562


อย่างไรก็ตาม รายได้รวมของกลุ่มมีรายได้ลดลง โดยในปี 2563 มีรายได้รวม 7,177.5 ล้านบาท ลดลง 1,662.7 ล้านบาท เมื่อเทียบกับปี 2562 ซึ่งลดลง 18.8% เช่นเดียวกับรายได้รวมของไตรมาส 4 มีรายได้รวม 1,453.4 ล้านบาท ลดลง 655.8 ล้านบาทจากช่วงเดียวกันของปี 2562 ซึ่งลดลง 31.1%


ปัจจัยที่ส่งผลให้กลุ่ม CKP มีผลประกอบการกำไร มาจากการบริหารจัดการโรงไฟฟ้าและการบริหารทางการเงิน อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ในไตรมาส 4/63 มีค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานและต้นทุนขาย รวมที่ 1,530.6 ล้านบาท ลดลง 11.4% จากช่วงเดียวกันของปี 2562 และมีต้นทุนทางการเงิน รวมที่ 255.3 ล้านบาท ลดลง 1.8% จากช่วงเดียวกันของปี 2562


ขณะที่ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานและต้นทุนขาย ทั้งปี 2563 อยู่ที่ 6,417.5 ล้านบาท ลดลงจากปี 2562 ร้อยละ 8.6 และต้นทุนทางการเงินรวมที่ 996.4 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 14.2 อีกทั้ง CKP ยังรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากการลงทุนใน XPCL ที่มีการดำเนินงานเต็มทุกไตรมาสเป็นปีแรก ขณะที่ โรงไฟฟ้าบางปะอิน โคเจนเนอเรชั่น (BIC) ไม่มีการหยุดเดินเครื่องเพื่อซ่อมบำรุงใหญ่ และโรงไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์ บางเขนชัย (BKC) สามารถเปลี่ยนแผงโซลาร์แล้วเสร็จตามแผน มีผลทำให้เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของแผงได้ถึง 25% โดยทยอยผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าได้เต็มกำลังผลิตและเป็นไปตามเป้าอีกด้วย


CKP มีราคาเป้าหมายเฉลี่ยจาก IAA Consensus อยู่ที่ 5.98 บาท โดยมีราคาเป้าหมายสูงสุดที่ 6.15 บาท และมีราคาเป้าหมายต่ำสุดที่ 5.80 บาท

ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเกิดสัญญาณฟื้นตัวทางเทคนิคเหนือแนวรับ 4.10 หลังจากปรับตัวลดลงไปเคลื่อนไหวต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ย 200 วันที่ 4.80 ทำให้แนวโน้มในระยะสั้นมีโอกาสฟื้นตัวไปทดสอบแนวต้านที่ 4.40 แต่ถ้าปรับตัวลดลงต่ำกว่า 4.08 ลงไป จะมีแนวรับถัดไปที่ 3.70 ตามกรอบแนวโน้มขาลง


สนใจบทความย้อนหลัง และเรื่องราวที่น่าสนใจ สามารถหาดูได้ในเพจ Trendtalk

จาก
ถึง
Select...
หุ้น
Select...
หัวข้อ
Select...

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

อ่านต่อ

เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา  อ่านเพิ่มเติม

X