ทันหุ้น – KWM ผนึก JSP Pharma ลุยวิจัย พัฒนาสกัดสารจากกัญชง คาดเดินเครื่องช่วงครึ่งปีหลัง 64 ฟากบิ๊กบอส “เอกพันธ์ วนโกสุม” เชื่อมูลค่าตลาดมหาศาล หนุนรายได้โตก้าวกระโดด พร้อมตั้งเป้ายอดขายธุรกิจเกษตรโต 15% เตรียมอัดงบลงทุน 100 ล้านบาท เพิ่มไลน์ผลิต

นายเอกพันธ์ วนโกสุม ประธานกรรมการบริหาร  บริษัท เค. ดับบลิว. เม็ททัล เวิร์ค จำกัด (มหาชน) หรือ KWM เปิดเผยว่า บริษัทร่วมมือกับ บริษัท โรงงานเภสัชอุตสาหกรรม เจเอสพี (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ JSP Pharma เพื่อทำการวิจัยและพัฒนาโครงการเครื่องสกัดสารจากพืชกัญชาและกัญชง เพื่อนำไปสู่การผลิตยาและยาสมุนไพร หลังจากบริษัทได้พัฒนาและผลิตเครื่องสกัดสารจากพืชกัญชาและกัญชงได้เป็นผลสำเร็จแห่งแรกในประเทศไทย

รับสกัดกัญชง

เบื้องต้นคาดว่าเครื่องสกัดสารจากพืชกัญชาและกัญชงจะสามารถติดตั้งในโรงงานของ JSP Pharma ในจังหวัดลำพูนได้ภายในช่วงเดือนพฤษภาคม หรือมิถุนายน 2564 ทั้งนี้คาดจะรับรู้รายได้จากการรับจ้างสกัดราว 2-3 หมื่นบาทต่อครั้ง จากปริมาณ 4 กิโลกรัม สำหรับการพัฒนาเครื่องสกัด บริษัทได้ทดลองทำตั้งแต่ขนาดเล็ก หรือมีปริมาณการสกัดที่ครึ่งกิโลกรัม และมีโอกาสพัฒนาเครื่องสกัดได้มากกว่า 4 กิโลกรัม

บริษัทประเมินทิศทางรายได้จากการรับจ้างสกัดสารจากพืชกัญชาและกัญชงในอนาคตมีโอกาสเติบโตสูง หรือเติบโตก้าวกระโดดเมื่อเทียบกับธุรกิจผลิตและจัดจำหน่ายอุปกรณ์สำหรับใช้ในการเกษตร เนื่องจากตลาดอุตสาหกรรมที่จะใช้ผลิตสารจากพืชกัญชาและกัญชงมีหลายกลุ่ม เช่น กลุ่มอาหาร เครื่องดื่ม ยา สมุนไพร เป็นต้น ขณะที่มูลค่าตลาดในประเทศคาดจะอยู่ในหลักหลายพันล้านบาท ขณะเดียวกันต่างประเทศ เช่นที่ประเทศแคนาดา คาดจะมีมูลค่าตลาดอยู่ที่ประมาณ 4 พันล้านเหรียญแคนาดา ส่วนอเมริกาคาดจะมีมูลค่าตลาดอยู่ที่ประมาณ 25 ล้านเหรียญดอลล่าร์

รายได้โต 15%

สำหรับแผนการดำเนินธุรกิจผลิตและจัดจำหน่ายอุปกรณ์สำหรับใช้ในการเกษตร ได้แก่ ใบผาล โครงผาล ใบเกลียวลำเลียง และใบดันดิน บริษัทตั้งเป้ายอดขายปี 2564 จะเติบโต 15% จากปีก่อน เนื่องจากยอดขายสินค้าเครื่องจักรกลการเกษตรที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยการเติบโตดังกล่าวยังไม่นับรวมกับรายได้จากเครื่องจักรสกัดสารจากพืชกัญชาและกัญชง

บริษัทมองทิศทางธุรกิจการผลิตและจัดจำหน่ายอุปกรณ์สำหรับใช้ในการเกษตรยังเติบโตได้ดี แม้ราคาเหล็ก ซึ่งเป็นวัตถุดิบหลักปรับตัวเพิ่มขึ้น แต่บริษัทไม่มีความกังวลในประเด็นดังกล่าว เพราะบริษัทมีความสัมพันธ์ที่ดีกับโรงงานผลิตเหล็กต่างประเทศ ประกอบกับคู่แข่งเหลือจำนวนน้อยลง ทำให้บริษัทมีโอกาสนำเข้าวัตถุดิบเหล็กได้ง่าย ขณะที่ราคาเหล็กผันผวน และส่งผลต่อดราคาขาย บริษัทจะปรับราคาขายตามราคาวัตถุดิบ ทำให้เป็นไปตามทิศทางเดียวกันอีกด้วย

ส่วนงบลงทุนปี 2564 บริษัทเตรียมเงินไว้ประมาณ 100 ล้านบาท สำหรับใช้ขยายไลน์การผลิตใบผาลไลน์ที่ 3 ซึ่งผลิตและจำหน่ายสินค้าให้กับลูกค้าหลักอย่างบริษัท สยามคูโบต้า คอร์ปอเรชั่น จำกัด รวมถึงการขยายเครื่องจักรผลิตใบเกลียวเพื่อรองรับยอดขายที่มีโอกาสเติบโตเพิ่มขึ้น