ทันหุ้น- กกพ.เปิดรับฟังความคิดเห็น โรงไฟฟ้าชุมชน(โครงการนำร่อง)เต็มสูบ เล็งลงนาม PPA ภายใน 28 ก.ย. 64 ฟากเอกชน หวังเพิ่มโควต้าโครงการนำร่องจาก 150 เมกะวัตต์ เป็น 300 เมกะวัตต์ จากโอกาสการพัฒนาโครงการ และความคิดเห็นจากวิสาหกิจชุมชน เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ โบรกส่อง ACE -NER-UAC- RATCH -EGCO พร้อมลุย

รายงานความเคลื่อนไหวโครงการโรงไฟฟ้าชุมชนเพื่อเศรษฐกิจฐานราก(โครงการนำร่อง) (16 ก.พ.64) มีการจัดการรับฟังความคิดเห็นทางออนไลน์ เพื่อการจัดทำ (ร่าง) ระเบียบคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.)ในเรื่องของโรงไฟฟ้าชุมชนและร่างประกาศเชิญชวนการรับซื้อไฟฟ้า ทั้งในส่วนของกรอบนโยบายของการจัดทำระเบียบ ประกาศเชิญชวนการรับซื้อไฟฟ้าโครงการโรงไฟฟ้าชุมชน(โครงการนำร่อง) รวมไปถึงสาระสำคัญของร่างระเบียบ กกพ. และร่างประกาศเชิญชวนการรับซื้อไฟฟ้าฯ (โครงการนำร่อง) ซึ่งมีรายละเอียดในหลายส่วน

เปิดรับฟังความคิดเห็น

เบื้องต้นผลสรุปกรอบหลักการ ตามมติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) เมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน 2563  ทั้งเป้าหมายการรับซื้อ 150 เมกะวัตต์ กำหนดวัน SCOD ภายใน 36 เดือนนับจากวันลงนาม PPA โดยแบ่งสัดส่วนตามประเภทเชื้อเพลิง ได้แก่ชีวมวล ปริมาณเสนอขายไม่เกิน 6 เมกะวัตต์ ต่อโครงการ เป้าหมายการรับซื้อรวม 75 เมกะวัตต์ และก๊าซชีวภาพ (พืชพลังงาน ผสมน้ำเสีย/ของเสีย ไม่เกิน 25%) ปริมาณเสนอขายไม่เกิน 3 เมกะวัตต์ ต่อโครงการ เป้าหมายการรับซื้อรวม 75 เมกะวัตต์  การเปิดรับซื้อในรูปแบบ Feed-in Tariff (FiT) เชื้อเพลิงมี 2 ประเภท คือ ชีวมวล และก๊าซชีวภาพ (พืชพลังงาน ผสมน้ำเสีย/ของเสีย ไม่เกิน 25%)  โดยห้ามใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล ช่วยในการผลิตไฟฟ้า ยกเว้นการเริ่มต้นเดินเครื่องโรงไฟฟ้าเท่านั้น  และสัญญารับซื้อไฟฟ้าเป็นสัญญาแบบ Non-Firm ระยะเวลา 20ปี

รวมไปถึงวิธีการคัดเลือกโครงการ จะมีการพิจารณาข้อเสนอขายไฟฟ้าทางด้านเทคนิคและด้านราคา ทั้งนี้

รูปแบบการร่วมทุนประกอบด้วย 2ส่วน คือ ผู้เสนอโครงการ (ภาคเอกชน) ถือหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 90 วิสาหกิจชุมชน หรือเครือข่ายวิสาหกิจชุมชนและมีสมาชิกรวมกันไม่น้อยกว่า 200 ครัวเรือน ถือหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 10 (เป็นหุ้นบุริมสิทธิ) ซึ่งเป็นผู้ปลูกพืชพลังงานให้แก่โรงไฟฟ้า อีกทั้งต้องมีแผนการจัดหาเชื้อเพลิง โดยมีสัญญารับซื้อเชื้อเพลิงในราคาประกันกับวิสาหกิจชุมชน หรือเครือข่ายวิสาหกิจชุมชน ในรูปแบบเกษตรพันธะสัญญา (Contract Farming) อย่างไรก็ปริมาณพลังไฟฟ้าที่เสนอขาย เป็นไปตามที่ประกาศการรับซื้อกำหนด โดยไม่เกิน 3 เมกะวัตต์ สำหรับโรงไฟฟ้าก๊าซชีวภาพ (พืชพลังงาน ผสมน้ำเสีย/ของเสีย ไม่เกิน 25%) และไม่เกิน 6 เมกะวัตต์ สำหรับโรงไฟฟ้าชีวมวล

อย่างไรก็ดีขณะนี้ต้องพิจารณาความเห็นและปรับปรุงแก้ไขระเบียบต่อไปตามกระบวนการ เพราะมีผู้ประกอบการรวมไปถึงวิสาหกิจชุมชน เข้ามาเสนอความเห็นจำนวนมาก โดยทางกกพ. ก็จะนำความเห็นทั้งหมดไปพิจารณาและปรับปรุง แก้ไขระเบียบต่อไป ทั้งนี้โครงการนี้ลงนาม PPA ภายใน 120วัน(ภายใน 28 กันยายน 2564) และกำหนดวันจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์ (ScheduledCommercial Operation Date : SCOD) ภายใน 3ปี

หวังภาครัฐเพิ่มเป้าผลิต

แหล่งข่าวจากภาคเอกชน เปิดเผยถึงโครงการโรงไฟฟ้าชุมชนว่า อยากจะให้ภาครัฐพิจารณาในการเพิ่มเป้าหมายการรับซื้อไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าชุมชนโครงการนำร่องเพิ่มขึ้นจาก 150 เมกะวัตต์ เป็น 300 เมกะวัตต์ เพราะมองว่าขณะนี้โอกาสในการพัฒนาโครงการมีต่อเนื่อง ภาคเอกชนและวิสาหกิจชุมชนให้ความสนใจจำนวนมาก นอกจากนี้ยังมีความต้องการให้ แบ่งแยกการประมูลให้ชัดเจน เช่นโครงการที่จะต้องมีการพัฒนาใหม่ ก็ใช้หลักเกณฑ์เดียวกัน ส่วนโครงการที่สร้างเสร็จแล้ว แต่ยังไม่ได้ขายไฟฟ้าให้ภาครัฐ ก็ให้แยกการประมูลและใช้หลักเกณฑ์อีกแบบ เนื่องจากต้นทุนทั้งสองกลุ่มนี้ไม่กัน เพื่อให้เกิดความยุติธรรมมากที่สุด ส่วนเรื่องเทคนิคต่างๆ ก็พิจารณาไปตามหลักเกณฑ์การคัดเลือก ขณะที่วัตถุดิบเชื่อว่าหลายบริษัทก็คงมีการเตรียมความพร้อมเพื่อรองรับการผลิตไฟฟ้าระยะยาวแล้ว

นายมงคล พ่วงเภตรา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์ หลักทรัพย์ กลยุทธ์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบีเอสที จำกัด (มหาชน) กล่าวว่าการที่มีการเปิดรับฟังความคิดเห็นแสดงถึงพัฒนาการของโครงการที่มีความคืบหน้า และเชื่อว่าโครงการจะเดินหน้าต่อไปได้ เพราะโครงการดังกล่าวก็เป็นโครงการที่ดำเนินการมาสักระยะแล้ว เชื่อว่าภาครัฐจะเร่งผลักดันให้เกิด และปัจจุบันก็มีบริษัทที่มีความพร้อมจำนวนมาก ทั้ง  NER UAE  RATCH EGCO และ ACE เป็นต้น ที่แสดงความสนใจเข้าร่วมโครงการ และเชื่อว่าหลายผู้ประกอบการน่าจะเดินหน้าโครงการเพื่อเตรียมความพร้อมไปแล้ว