ทันหุ้น- คลี่ปริศนา LPN กับการเร่งจ่ายปันผลสูง ท่ามกลางผลประกอบการย่ำแย่รอบ 15 ปี ชี้จุดน่าสนใจเงินกู้เบิกเกินบัญชีบวม วงในชี้ ที่ผ่านมา LPN เป็นเป้าถูกเทกหลายบริษัท แต่ติดกรรมการไม่ยอม เชื่อการจ่ายปันผลสูงส่วนหนึ่งเพื่อป้องกัน และเร่งให้ผลตอบแทนผู้ถือหุ้น

วิพากษ์ บริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ LPN หลังปี 2563 เป็นปีที่ผลประกอบการออกมาตกต่ำที่สุดในรอบ 15 ปี ที่ 716 ล้านบาท กำไรต่อหุ้นแค่เพียง 0.49 บาท ทว่าเป็นปีที่บริษัทจัดหนักด้านปันผลมากที่สุด ด้วยการจ่ายปันผล 1.40 บาท ด้วยกัน อันที่จริงคิดเป็นจำนวนเงินที่จ่ายรวม 2,065 ล้านบาท สำหรับผู้ถือหุ้นจำนวน 1,475 ล้านหุ้นครั้งนี้

โดยเป็นการจ่ายไปแล้ว ครึ่งปี 1 บาท หรือกว่า 1,475 ล้านบาท เมื่อวันที่ 16 มิถุนายน 2563 และจะจ่ายอีก 40 สตางค์ ในวันที่ 8 เมษายน 2564 นี้ โดยหากวัดจากที่ราคาหุ้นระดับ 5.20 บาท คิดเป็นผลตอบแทนจากเงินปันผลสูงอยู่ที่ 7.6%

LPN จะใช้เงินราว 590 ล้านบาท ในการจ่ายเงินผู้ถือหุ้น 0.40 บาท ครั้งนี้ อย่างไรก็ดีเป็นที่น่าสนใจว่า บริษัทกระแสเงินสดที่ล่าสุดบริษัทมีอยู่ราว 916 ล้านบาท เมื่อสิ้นงวดปี 2563 ซึ่งนับว่าสูงกว่าปีก่อน ที่มักจะมีเงินสดอยู่ในระดับ 350-500 ล้านบาท

เมื่อเข้าไปดูกระแสเงินสดจะพบว่า บริษัทมีเงินสดสุทธิจากการดำเนินงานเพียง 493 ล้านบาท ส่วนที่เหลือเป็นกระแสเงินสดที่ยกมาจากปีที่ผ่านมา 501 ล้านบาท และที่น่าสนใจมากก็คือ บริษัทมีเงินกู้เบิกเกินบัญชีที่เพิ่มขึ้นค่อนข้างมากมาอยู่ที่ 4,601ล้านบาท จากปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 3,468 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 1133 ล้านบาท หรือ 32.67%

ดังนั้นกระแสเงินสดที่จ่ายปันผลให้กับผู้ถือหุ้น ส่วนหนึ่งจึงมาจากเงินกู้! ท่ามกลางคำถามว่า การเร่งจ่ายเงินครั้งนี้ เพื่อดึงเงินออก เตรียมพร้อมสำหรับการถูกเทคโอเวอร์หรือไม่

@ LPN เป้าถูกเทค

แหล่งข่าวจากวงการอสังหาริมทรัพย์ เปิดเผยว่า ที่ผ่านมามีบริษัทจดทะเบียนที่สนใจจะเทคโอเวอร์ LPN เสมอ มีการพุดคุยในกลุ่มของผู้ถือหุ้นของ LPN บ้าง แต่ไม่สามารถลงตัวได้ เนื่องจากมีหนึ่งในคณะกรรมการ ไม่ต้องการให้ขาย และหลายบริษัทก็ไม่ต้องการที่จะเทคโอเวอร์แบบต้องต่อสู้แย่งชิงหุ้น หรือ Hostile takeover เนื่องจากไม่แน่ใจว่าราคาจะไล่ไปถึงไหน มีความเสี่ยง และการควบคุมต้นทุนยาก

โดยจุดเด่นที่น่าสนใจต่อการถูกเทคโอเวอร์ของ LPN นั้นก็คือ มูลค่าทางบัญชีต่อหุ้น (BV)ที่อยู่สูงถึง 7.96 บาท เมื่อเทียบกับราคาหุ้นที่ 5.20 บาท ก็นับว่ามี อัพไซด์พอควร ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากสินค้าคงเหลือของบริษัทที่ยังคงอยู่สูงแม้ปี 2563 จะระบายออกไปได้บ้าง ปี 2563 ที่อยู่ที่ 17,165 ล้านบาท ลดลงจากปี 2562 ที่มีสินค้าคงเหลือสูงถึง 19,044 ล้านบาท ก็ตามแต่ก็ยังนับว่าสูง ตลอดจนที่ดินในมือ

แหล่งข่าววงการเงิน ระบุว่า มีความเป็นไปได้การที่ LPN จ่ายปันผลสูง สวนทางกับผลประกอบการ ส่วนหนึ่งก็เป็นการดึงราคาขึ้นมา เพื่อไม่ให้ต่ำจนเกินไปและมีความเสี่ยงต่อการถูกเทคโอเวอร์แบบไม่เป็นมิตร อย่างไรก็ดีการที่ LPN มีผู้ถือหุ้นที่กระจายเต็มไปหมด สูงสุดคือ สำนักงานประกันสังคม ถือหุ้น 4.65% ก็ทำให้เป็นบริษัทที่มีความเสี่ยงในการถูกเทคโอเวอร์ได้ แต่ก็ต้องติดตาม เนื่องการเทคโอเวอร์แบบ Hostile มักจะมีจุดจบที่ไม่ค่อยดี

@ เป้า 4.80 บาท

ด้านบริษัทหลักทรัพย์ทิสโก้ แนะนำ "ถือ" LPN ราคาเป้าหมาย 4.80 บาท/หุ้น โดยระบุว่า LPN รายงานผลประกอบการปี 2563 ที่ 716 ล้านบาท ลดลง 43% ต่ำกว่าที่เราและตลาดคาด 7% เนื่องมาจากการยกเลิกการจองและปฏิเสธสินเชื่อของธนาคาร และการเคลียร์โครงการเก่าๆ ด้านรายได้ปี 2563 อยู่ที่ 7.3 พันล้านบาทลดลง 26% YoY และต่ำกว่าที่เราคาดทั้งปี 14% ด้านผลประกอบการไตรมาส 4/20 อยู่ที่ 241 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 131% QoQ แต่ลดลง 61% YoY และบริษัทได้ประกาศจ่ายเงินปันผล 0.4 บาท/หุ้น คิดเป็นผลตอบแทน 8% และขึ้นเครื่องหมาย XD ในวันที่ 24 ก.พ. เรายังคงแนะนำให้ ถือ

ด้านอัตรากำไรขั้นต้นลดลงเป็น 28% เนื่องจากโครงการที่เพชรบุรี, มักกะสันที่มีค่านายหน้าสูง ด้านรายได้จากค่าเช่า และการบริการเพิ่มขึ้นเป็น 42% จากเดิมที่ 37% ทำให้อัตรากำไรขั้นต้นของปี 2563 เพิ่มขึ้นเป็น 30% และทำให้งานในมือเพิ่มขึ้นเป็น 842 ล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่เป็นของบ้านลุมพินี และมีคอนโดพร้อมขายอยู่ที่ 1.35 หมื่นล้านบาท, บ้าน 2.4 พันล้านบาท และอัตรากำไรขั้นต้นสำหรับปี 2564 อ่อนแอลงต่อจากปี 2563 แนะนำให้ ถือ จากการประเมินมูลค่าและเงินปันผล โดยมีมูลค่าที่เหมาะสม 4.80 บาท (อิง PER ที่ 8.5 เท่าตามค่าเฉลี่ย 5 ปี) โดยมีความเสี่ยงคือ การเปิดตัวโครงการ, ยอดจอง และการยกเลิกการจอง