ทันหุ้น-PTTEP รับราคาน้ำมันปีนี้ขยับขึ้นระดับ 50-55 ดอลล์ ขณะที่ต้นทุนลดเหลือ 29 ดอลล์ พร้อมปรับเป้าปริมาณขายเป็น 3.98 แสนบาร์เรลต่อวัน โครงการ Oman Block 61 หนุน ส่วนงบลงทุน5ปี (64-68) ที่ 2.36 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ยันการเมืองในเมียนมา ไม่กระทบโครงการ Gas-to-power โบรกชี้เป้า 147 บาท

นางสาวอรชร อุยยามะพันธุ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการเงิน บริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือPTTEP เปิดเผยว่า ปรับเพิ่มเป้าหมายปริมาณการขายปิโตรเลียมเฉลี่ยจะอยู่ที่ 398,000 บาร์เรลต่อวัน หลังจากมีการเข้าลงทุนแหล่งโครงการ Oman Block 61 เป็นโครงการผลิตก๊าซธรรมชาติบนบกในตอนกลางของประเทศโอมาน เป็นไปตามแผนกลยุทธ์การลงทุนของปตท.สผ.ที่ให้ความสำคัญกับการขยายฐานการลงทุนในภูมิภาคตะวันออกกลาง

โดยเฉพาะโครงการที่มีปริมาณสำรองขนาดใหญ่ มีต้นทุนการผลิตต่อหน่วยต่ำ โครงการดังกล่าวจะช่วยสร้างกระแสเงินสดให้บริษัทอีกราว 200-300 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี สำหรับปริมาณการขายปิโตรเลียมไตรมาส 1/2564 จะอยู่ที่ 365,000 บาร์เรลต่อวัน

นางสาวอรชร ระบุอีกว่า ต้นทุนต่อหน่วย (Unit Cost) จะอยู่ที่ 28-29 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบ จากปีก่อนที่ 30.50 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบ ท่ามกลางน้ำมันดิบจะมีทิศทางฟื้นตัวดีขึ้นหลังจากกลุ่มโอเปกพลัสมีการควบคุมการผลิต ทำให้ซัพพลายในตลาดลดลง แต่ดีมานด์การใช้งานเพิ่มขึ้น จึงคาดว่าราคาน้ำมันจะเคลื่อนไหวระดับ 50-55 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล และคาดว่าราคาก๊าซธรรมชาติเฉลี่ยของไตรมาส 1 ปี 2564 และทั้งปี 2564จะอยู่ที่ประมาณ 5.7 ดอลลาร์สหรัฐ ต่อล้านบีทียู เป็นผลจากการปรับตัวของราคาน้ำมันในตลาดโลก โดยบริษัทสามารถระดับอัตรากำไรก่อนดอกเบี้ย ภาษีและค่าเสื่อมราคา (EBITDA Margin) ที่ 70 %

ขณะที่งบลงทุน 5 ปี (2564-2568) วางไว้ 23,637 ล้านดอลลาร์ ครอบคลุมโครงการทั้งระยะสั้น ระยะกลางและระยะยาว โดยโครงการระยะสั้นมีทั้งโครงการจี 1/61หรือ  แหล่ง เอราวัณ และโครงการจี 2/61หรือ แหล่งบงกช ,โครงกร Sabah H, โครงการ Oman Block 61และโครงการ Algeria HBR เฟส1 ส่วนโครงการระยะกลางได้แก่โครงการ Gas-to-Power ในเมียนมาร์ ,โครงการ Sarawak SK410B (ลัง เลอบาห์) รวมไปถึงโครงการ Algeria HBR เฟส 2 นอกจากนี้ยังมีโครงการระยะยาวทั้งในส่วนของ ขุดสำรวจใหม่ๆ และการนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วย

บริษัทมีเงินสดในมือในระดับสูง มีสถานการณ์ทางการเงินแข็งแกร่ง และกำลังพิจารณาว่ากลางปีจะออกหุ้นกู้อีกหรือไม่ โดยบริษัทยังมีโอกาสศึกษาธุรกิจใหม่ต่อเนื่อง ทั้งNew Bussiness และธุรกิจสำรวจและผลิตที่เป็นธุรกิจหลักโดยโฟกัสพื้นที่เซาท์อีสเอเชีย เป็นต้น

*เมียนมาร์ไม่กระทบ

สำหรับสถานการณ์การเมืองมในเมียนมาร์ มองว่า ไม่กระทบต่อการดำเนินงาน ยังเดินหน้าโครงการได้ตามแผน อย่างโครงการโรงไฟฟ้า Gas-to-Power ในเมียนมา บริษัทได้รับอนุมัติจากรัฐบาลเมียนมาให้ดำเนินโครงการนี้แล้ว เป็นโครงการพัฒนาแหล่งก๊าซธรรมชาติ และผลิตไฟฟ้า 600 เมกะวัตต์ โดยเริ่มแรกจะนำก๊าซฯ จากโครงการซอติก้า และโครงการเมียนมา เอ็ม3 มาใช้ในการผลิตไฟฟ้า ซึ่งเป็นโครงการที่ขายไฟฟ้าให้กับรัฐบาลเมียนมา

ด้านบริษัทหลักทรัพย์ ไทยพาณิชย์ จำกัดระบุถึง PTTEP ว่า เหตุการณ์ความวุ่นวายทางการเมืองในเมียนมา น่าจะมีผลกระทบน้อยมากต่อการดำเนินงานของ PTTEP แม้ว่ารายได้ 12% ในปี 2563 ได้มาจากสินทรัพย์ 3 แห่งในเมียนมา โดยส่วนใหญ่เกิดจากการขายก๊าซให้กับประเทศไทย โครงการผลิตไฟฟ้าจากก๊าซซึ่งได้รับอนุญาตให้ดำเนินการได้แล้ว เมื่อปลายปี 2563 ก็มีแนวโน้ม ที่จะดำเนินการได้ตามแผน เนื่องจากเมียนมามีความต้องการใช้ไฟฟ้าสูง PTTEP คาดว่าสัญญาซื้อขายก๊าซ สัญญาซื้อขายไฟฟ้า พันธมิตรของโครงการ และการจัดหาเงินทุน น่าจะได้ข้อสรุปเภายในสิ้นปี 2564

คงราคาเป้าหมายอ้างอิงวิธี DCF ไว้ที่ 147 บาทต่อหุ้น อิงกับสมมติฐานราคาน้ำมันดิบดูไบระยะยาวที่ US$53/bbl และราคาน้ำมันดิบเบรนท์ที่US$55/bbl ตั้งแต่ปี 2566 เป็นต้นไป upside ของราคาเป้าหมาย คือ มูลค่าส่วนเพิ่มจากโครงการOman Block 61 ณ ราคาเป้าหมาย PTTEP จะซื้อขายที่ PBV ปี 2564 ระดับ 1.6 เท่า หรือ +0.9SD ของค่าเฉลี่ย 5 ปี สะท้อนถึงแนวโน้มราคาน้ำมันที่ดีขึ้น