> SET > BBL

08 กุมภาพันธ์ 2021 เวลา 13:33 น.

BBLปีนี้ตั้งสำรองลดฮวบ-ชี้เป้ากำไรสูงสุดในกลุ่มธนาคาร

ทันหุ้น-บริษัทหลักทรัพย์ไทยพาณิชย์ จำกัด หรือSCBS ระบุว่าBBL ได้ตั้งเป้าหมายทางการเงินปี 2564 จะมีกำไรเติบโตแข็งแกร่งที่สุดในกลุ่มธนาคาร โดยได้รับการสนับสนุนจากการตั้งสำรองลดลงอย่างมากและอัตราส่วนต้นทุนต่อรายได้ที่ลดลง จึงยังคงเลือก BBL เป็น top pick ของกลุ่มธนาคาร และคงราคาเป้าหมายไว้ที่ 165 บาท


BBL คาดว่าจะตั้งสำรองลดลงจาก 3.1หมื่นลบ. หรือคิดเป็น credit cost ที่ 1.4%ในปี 2563 สู่ 2.2หมื่นลบ. (3-4 พันลบ. สำหรับ Permata) หรือคิดเป็น credit cost ที่ 0.92%ในปี 2564 ซึ่งหมายความว่า BBL จะเป็นธนาคารรายแรกที่จะสามารถตั้งสำรองลดลงสู่ระดับก่อนโควิด-19ระบาด (ปี 2560-2561) ด้วยนโยบายเร่งตั้งสำรองล่วงหน้า credit cost ของ BBL จึงทำจุดสูงสุดไปแล้วที่ 1.56% ในปี 2562และลดลงสู่ 1.41% ในปี 2563โดย BBL ยังคงเป็นธนาคารที่มี LLR coverage สูงที่สุดที่ 182% ณ สิ้นปี 2563 BBL มีความเสี่ยงด้านคุณภาพสินทรัพย์ต่ำที่สุดในกลุ่มธนาคาร เพราะมีสัดส่วนเงินให้สินเชื่อภายใต้มาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ต่ำที่สุด (ไม่ถึง 5%ซึ่ง 1% เป็นกลุ่มเปราะบาง) BBL คาดว่าอัตราส่วน NPL ของธนาคารจะลดลงสู่ราว 4.5%เทียบกับ 3.9% (การคำนวณของ BBL) ในปี 2563 เราคาดว่า BBL จะตั้งสำรอง 2.65 หมื่นลบ. (credit cost 1.1%) ในปี 2564 ซึ่งเป็นตัวเลขอนุรักษ์นิยมมากกว่าเป้าของธนาคารอยู่เล็กน้อย


BBL ตั้งเป้าสินเชื่อเติบโต 3-4%ในปี 2564 เทียบกับ 14.7% (2.7%จากตัวธนาคารเอง) ในปี 2563 โดยอิงกับประมาณการ GDP ปี 2564ของธนาคารที่ 1-2% เป้าการเติบโตของสินเชื่อปี 2564ของ BBL สามารถแบ่งตามประเภทสินเชื่อได้ดังนี้: 3-4%สำหรับสินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่, 3% สำหรับสินเชื่อธุรกิจขนาดกลาง, 1% สำหรับสินเชื่อ SME, 2-3% สำหรับสินเชื่อรายย่อย และ 4-5%สำหรับสินเชื่อกิจการต่างประเทศ (6-7% สำหรับ Permata ซึ่งคิดเป็นสัดส่วน 10% ของสินเชื่อในงบการเงินรวมของ BBL) BBL จะยังคงเน้นไปที่สินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่ เนื่องจากธนาคารตั้งเป้าก้าวขึ้นเป็นธนาคารระดับภูมิภาค


ขณะที่ NIM ทาง  BBL ตั้งเป้าปี 2564 ไว้ที่ 2.1%เทียบกับ 2.25% (การคำนวณของ BBL) ในปี 2563เป้าดังกล่าวต่ำกว่าประมาณการก่อนหน้านี้ของเรา โดยที่เราคาดการณ์ไว้ว่าการรวมงบการเงินของ Permata เข้ามาเต็มปี (รวมงบการเงิน 7เดือนในปี 2563) จะช่วยให้ NIM หดตัวน้อยลง เราปรับประมาณการ NIM ปี 2564 ของเราลดลง 5 bps สู่ 2.14% สะท้อนถึงการหดตัวลง 10 bps


รายได้ค่าธรรมเนียมเติบโตต่ำ BBL ตั้งเป้ารายได้ค่าธรรมเนียมสุทธิเติบโต 3-4% ในปี 2564เทียบกับ -13% ในปี 2563โดยจะได้รับการสนับสนุนจากการรวมงบการเงินของ Permata เต็มปี บริการประกันผ่านธนาคาร และบริการกองทุนรวม


ทางด้านอัตราส่วนต้นทุนต่อรายได้ดีกว่าคาด BBL ตั้งเป้าที่จะลดอัตราส่วนต้นทุนต่อรายได้ลงสู่ระดับ low-50%ในปี 2564 จาก 55.6% (การคำนวณของ BBL) ในปี 2563ซึ่งดีกว่าที่เราคาดการณ์ไว้ เราคาดการณ์ไว้ว่าการรวมงบการเงินของ Permata (ซึ่งมีอัตราส่วนต้นทุนต่อรายได้สูงที่ราว 60%) เข้ามาเต็มปีจะทำให้อัตราส่วนต้นทุนต่อรายได้ของธนาคารยังอยู่ในระดับสูง ทั้งๆ ที่ไม่มีค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นครั้งเดียว 4พันลบ. สำหรับการควบรวมสาขาในอินโดนีเซียกับ Permata เกิดขึ้นอีก BBL คาดว่า Permata จะส่งผลทำให้อัตราส่วนต้นทุนต่อรายได้ของธนาคารปรับลดลงสู่ 50% ภายใน 3ปีข้างหน้า


ยังคงเลือก BBL เป็น top pick ของกลุ่มธนาคารและคงราคาเป้าหมายไว้ที่ 165 บาท (0.65 เท่าของประมาณการ BVPS ปี 2565) โดยได้รับการสนับสนุนจากการคาดการณ์ว่า BBL จะเป็นธนาคารที่กำไรเติบโตแข็งแกร่งที่สุดในกลุ่มธนาคารที่ 40%


อยากลงทุนสำเร็จ เป็นเพื่อนกับเรา พร้อมรับข่าวสารได้ทุกช่องทางที่
APP ทันหุ้น ANDROID คลิ๊ก https://qrgo.page.link/US6SA
APP ทันหุ้น IOS คลิ๊ก https://qrgo.page.link/QJKT7
LINE@ คลิ๊ก https://lin.ee/uFms4n5
FACEBOOK คลิ๊ก https://www.facebook.com/Thunhoonofficial/
YOUTUBE คลิ๊ก https://www.youtube.com/channel/UCYizTVGMealUUalT6VdUdNA
TELEGRAM คลิ๊ก https://t.me/thunhoon_news
Twitter คลิ๊ก https://twitter.com/thunhoon1

จาก
ถึง
Select...
หุ้น
Select...
หัวข้อ
Select...

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

อ่านต่อ

เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา  อ่านเพิ่มเติม

X