ทันหุ้น - TMILL กางแผนปี 2564 เร่งปั๊มยอดขายเติบโตไม่ต่ำกว่า 5% หลังสถานการณ์โควิด-19 ยังมีความไม่แน่นอนสูง ปักเป้าหมายใช้กำลังการผลิตเฉลี่ยที่ 80% มองความต้องการแป้งสาลียังมีอยู่ ส่งซิกลูกค้ารายใหญ่ส่งคำสั่งซื้อล่วงหน้าเพียบ พร้อมรุกขยายฐานลูกค้ารายใหม่

นางแววตา กุลโชตธาดา รองผู้อํานวยการฝ่ายการเงินและบัญชี บริษัท ที เอส ฟลาวมิลล์ จํากัด (มหาชน) หรือ TMILL เปิดเผยว่า แผนการดำเนินงานในปี 2564 บริษัทตั้งเป้ายอดขายเติบโตไว้ที่ไม่น้อยกว่า 5%จากปีก่อน ซึ่งปรับลดลงมาจากเดิมที่วางเป้าหมายไว้ไม่ต่ำกว่า 10% สาหตุหลักๆ เป็นผลมาจากสถานการณ์แพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่ยังคงมีความไม่แน่นอนสูง และจากการควบคุมการแพร่เชื้อของวรัสโควิด-19 ส่งผลให้การขยายตลาดและเข้าถึงลูกค้ารายใหม่เป็นไปได้ยากขึ้น ดังนั้นจึงปรับเป้าหมายเพื่อให้สอดคล้องไปในทิศทางเดียวกันกับสถานการณ์ในปัจจุบัน

*ยอดขายโต 5%

ขณะเดียวกันบริษัทวางเป้าหมายการใช้กำลังการผลิต (Utilization rate) ไว้ที่เฉลี่ยไม่น้อยกว่า 80% ทรงตัวใกล้เคียงเมื่อเทียบช่วงเวลาเดียวันกับปีก่อน และปรับตัวลดลงจากเป้าหมายเดิมที่วางไว้ราว 85%ในปัจจุบันบริษัทยังคงมีคำสั่งซื้อ(ออเดอร์) จากฐานลูกค้าเดิมอยู่โดยเฉพาะรายใหญ่ที่มีสัญญาคำสั่งซื้อแบบระยะยาวตั้งแต่ 3 เดือนไปจนถึง 12 เดือนล่วงหน้า ซึ่งออเดอร์หล่านี้คิดเป็นสัดส่วนยอดขายที่มากกว่า 60%ของยอดขายรวม ส่งผลให้ในขณะนี้บริษัทยังคงความสามารถในการรักษาระดับกำลังการผลิตเฉลี่ยให้อยู่ที่ราว 80% ได้ตามเป้าหมายที่วางไว้

ทั้งนี้แม้ว่าลูกค้ารายย่อยอย่าง SMEs ในบางรายอาจมีการส่งคำสั่งซื้อในปริมาณที่ลดลงไปบ้าง ซึ่งเป็นเพียงบางพื้นที่เท่านั้น ในภาพรวมส่วนใหญ่ยังคงมีการส่งคำสั่งซื้อเป็นปกติโดยเฉพาะรายใหญ่ทำให้มองว่าการเติบโตของยอดขายนั้นยังคงเป็นไปได้ตามแผนที่วางไว้

ขณะที่ปัจจัยด้านการแข่งขันในอุตสาหกรรมที่ค่อนข้างรุนแรงทำให้ในช่วงที่ผ่านมาบริษัทมีการปรับลดราคาขายลง อีกทั้งด้วยต้นทุนทางวัตถุดิบข้าวสาลีที่ดีดตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเกือบ 10% จากไตรมาสก่อน ทำให้อัตรากำไรขั้นต้นอ่อนแอและคาดว่าจะทรงตัวเมื่อเทียบช่วงเดียวกันกับปีก่อน

บริหารจัดการต้นทุน

ทั้งนี้บริษัทจึงยังคงให้ความสำคัญในการบริหารจัดการต้นทุนและวัตถุดิบคงคลังให้อยู่ในระดับที่ดี และมีความเหมาะสมต่อคำสั่งผลิตให้มากที่สุด ขณะเดียวกันมองว่าด้วยราคาขายลำข้าวสาลี ซึ่งเป็นสินค้า By Product ที่ยังคงทรงตัวอยู่ในระดับที่ดีอย่างต่อเนื่องจากปีก่อน และเป็นผลิตภัณฑ์ที่ให้มาร์จิ้นค่อนข้างดี ทำให้คาดว่ามาร์จิ้นจากกลุ่มสินค้าดังกล่าวจะสามารถเข้ามาช่วยชดเชยส่วนที่หายไปได้

นอกจากนี้บริษัทยังคงมีการศึกษาการลงทุนในหลายๆ ด้านเพื่อเข้ามาช่วยพัฒนาและเพิ่มศักยภาพให้กับบริษัทได้ในอนาคต ส่วนรายละเอียดด้านการลงทุนในตอนนี้ยังไม่มีข้อสรุปเพราะยังเป็นเพียงขั้นตอนของการศึกษา แต่คาดหวังว่าในปี 2564 จะได้ข้อสรุปการลงทุน

อย่างไรก็ตาม หากว่าสถานการณ์แพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19มีทิศทางที่คลี่คลายมากขึ้น บริษัทจะกลับมาเดินหน้ากลยุทธเชิงรุกเดิม เพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้กับยอดขายมากขึ้นในอนาคต และเป็นฐานลูกค้าใหม่ กระจายความเสี่ยงจากการรับออเดอร์ในกรุงเทพ และปริมณฑล อีกทั้งยังเป็นการกระจายความเสี่ยง ลดการพึ่งพารายได้จากลูกค้ารายใหญ่ และเพื่อผลักดันกำลังการผลิตให้เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ โดยบริษัทมองว่าความต้องการบริโภคแป้งสาลียังคงมีและขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตามความต้องการบริโภคที่เพิ่มขึ้นและการขยายตัวของครัวเรือน เพราะไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นคนยังคงมีความต้องการบริโภคอยู่