TU ธุรกิจหลักดี Valuation น่าสนใจ

ทันหุ้น-บล.เอเชียพลัส หรือ ASPS ออกบทวิเคราะห์หุ้น บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TU คาดกำไรสุทธิงวด Q4/63 จะอ่อนตัวลง หลังผ่านช่วง high season ของธุรกิจไปแล้ว ทั้งนี้ คาดทิศทางกำไรสุทธิปี 2564 จะเติบโตต่อเนื่อง จากธุรกิจทูน่า อาหารสัตว์เลี้ยงดีต่อเนื่อง และธุรกิจกุ้ง แซลมอนและ Red Lobster ฟื้นตัว ขณะที่ Valuation น่าสนใจ PER เพียง 10 เท่า พร้อมปันผลกว่า 5%

ทั้งนี้ คาดกำไรสุทธิ Q4/63 อ่อนตัว จากบาทแข็งค่าและ Red Lobster เท่ากับ 1.5 พันล้านบาท ลดลง 28.6% qoq (แต่เพิ่มขึ้นถึง 38.8% yoy) มีปัจจัยกดดันจาก 1) การผ่านช่วง high season ของธุรกิจไปแล้ว กดดันแนวโน้มรายได้รวมลดลง 2) แนวโน้ม gross margin งวด Q4/63 อ่อนตัวลงมาที่ 17.7% เพราะ Product mix ที่เปลี่ยนไป โดยคาดสัดส่วนรายได้จากธุรกิจอาหารแช่เย็นและแช่แข็ง(กุ้งและแซลมอน) เพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นธุรกิจ margin ต่ำกว่าธุรกิจอาหารกระป๋อง และค่าเงินบาท/ดอลลาร์สหรัฐฯ เฉลี่ยงวด Q4/63 ที่แข็งค่าขึ้น 3) แนวโน้มสัดส่วนค่าใช้จ่ายSG&A/Sales เพิ่มขึ้น มาที่ 12.1% จากค่าใช้จ่ายโฆษณาเพิ่มขึ้น และ 4) แนวโน้มส่วนแบ่งขาดทุนจากบริษัทร่วมงวด Q4/63 จะอยู่ที่ ล้านบาท (งวด Q3/63 บันทึกเป็นส่วนแบ่งกำไรเข้ามา 258 ล้านบาท) เนื่องจากเป็นช่วง low season ของ Red Lobster

ธุรกิจหลักยังดีต่อเนื่องในปี 2564 คงประมาณการ คาดกำไรสุทธิปี 2563-64 จะเพิ่มขึ้น 59.8% yoy และ 4.8% yoy จากธุรกิจทูน่ากระป๋อง อาหารสัตว์เลี้ยงเติบโตต่อเนื่อง และคาดธุรกิจกุ้ง แซลมอนและร้านอาหาร Red Lobster ฟื้นตัว ทั้งนี้ คาดกำไรสุทธิงวด Q1/64 จะทรงตัวใกล้เคียงวด Q4/63 โดยคาดธุรกิจร้านอาหาร Red Lobster จะฟื้นตัว จากช่วง high season หักล้างผลกระทบจากค่าเงินบาท/ดอลลาร์สหรัฐฯ ที่แข็งค่าขึ้นในงวด Q1/64 ไปได้ทั้งหมด

Valuation น่าสนใจให้เข้าลงทุน กำหนด FV ปี 2564 เท่ากับ 20 บาท อิงวิธี DCF (WACC 7.34%) ราคาหุ้นปัจจุบันมีค่า PER เพียง 10 เท่า และสามารถคาดหวัง div Yield ได้กว่า 5% p.a. จึงแนะนำซื้อ