ทันหุ้น - TMILL ยอดขายแข็งแกร่งสวนทางวิกฤตโควิด-19 ตุนออร์เดอร์ล่วงหน้าจากรายใหญ่แล้วมากกว่า 60%เดินหน้าขยายฐานลูกค้าใหม่ต่อเนื่อง วางเป้าอัตรากำลังการผลิตปี 2564 พุ่งแตะ 80-85%จากสิ้นปีนี้ที่ 75%พร้อมศึกษาลงทุนเสริมแข็งแกร่ง

นางแววตา กุลโชตธาดา รองผู้อํานวยการฝ่ายการเงินและบัญชี บริษัท ที เอส ฟลาวมิลล์ จํากัด (มหาชน) หรือTMILL เปิดเผยว่า แม้ว่าในปัจจุบันสถานการณ์แพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 จะยังคงมีความไม่แน่นอนสูง แต่บริษัทมองว่าไม่ได้ส่งผลกระทบต่อยอดขายของบริษัทโดยตรง เนื่องจากบริษัทยังคงได้รับคำสั่งซื้อ (ออเดอร์) จากลูกค้าทั้งรายเดิมและรายใหม่เข้ามาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งมากกว่า 60%ของยอดขายในปัจจุบันเป็นออเดอร์ล่วงหน้าจากรายใหญ่ อาจมีผลเชิงลบเพียงในเรื่องของการเดินทางเท่านั้น

กางแผนงานปี 64

โดยแผนการดำเนินงานในปี 2564บริษัทวางเป้าหมายการเติบโตของอัตราการกำลังการผลิตไว้ที่ประมาณ 5-10% เป็น 80-85% จากสิ้นปี 2563 ที่คาดว่าเฉลี่ยจะอยู่ที่ราว 75%ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกันกับนโยบายจากทางผู้บริหารที่จะผลักดันให้ผลประกอบการเติบโตทุกปี นอกจากนี้บริษัทยังคงเดินหน้าขยายฐานลูกค้ารายใหม่ทั้งรายย่อยที่เป็น SMEs และผู้ประกอบการขนาดกลางเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะในเขตปริมณฑลและหัวเมืองหลักต่างๆ ตามต่างจังหวัด

ทั้งนี้เพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้กับยอดขายมากขึ้นในอนาคต และเป็นฐานลูกค้าใหม่ กระจายความเสี่ยงจากการรับออเดอร์ในกรุงเทพ และปริมณฑล อีกทั้งยังเป็นการกระจายความเสี่ยง ลดการพึ่งพารายได้จากลูกค้ารายใหญ่ และเพื่อผลักดันกำลังการผลิตให้เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ อย่างไรก็ดีด้วยปัจจัยการแข่งขันในอุตสาหกรรมที่ค่อนข้างรุนแรงทำให้ในช่วงที่ผ่านมาบริษัทมีการปรับลดราคาขายลง ทำให้อัตรากำไรขั้นต้นอ่อนแอกว่าเมื่อเทียบช่วงเดียวกันกับปีก่อน และมีทิศทางเดียวกันในปีหน้าอีกด้วย

ราคาข้าวสาลีสูงขึ้น

ขณะที่ทิศทางราคารับซื้อข้าวสาลีในปี 2564 นั้น มองว่ายังมีโอกาสปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องจากปีนี้ หลักๆ เป็นเรื่องของปัจจัยทางสภาพอากาศที่ทำให้ปริมาณการเพาะปลูกข้าวสาลีที่มีคุณภาพตามมาตรฐานของบริษัทมีน้อยกว่าทุกปี ขณะที่ปัจจัยเงินบาทแข็งค่าขึ้นในช่วงที่ผ่านมาแม้ว่าจะช่วยลดแรงกดดันด้านราคารับซื้อข้าวสาลีที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ แต่ก็เป็นเพียงบางส่วนเท่านั้นเพราะราคาข้าวสาลีนั้นปรับตัวสูงมากกว่า ดังนั้นบริษัทจึงยังคงให้ความสำคัญในการบริหารจัดการต้นทุนและวัตถุดิบคงคลังให้อยู่ในระดับที่ดีและมีความเหมาะสมต่อคำสั่งผลิตให้มากที่สุด

นอกจากนี้ บริษัทยังคงมีการศึกษาการลงทุนในหลายๆ ด้านเพื่อเข้ามาช่วยพัฒนาและเพิ่มศักยภาพให้กับบริษัทได้ในอนาคต ส่วนรายละเอียดด้านการลงทุนในตอนนี้ยังไม่มีข้อสรุปเพราะยังเป็นเพียงขั้นตอนของการศึกษา แต่คาดหวังว่าในปี 2564จะได้ข้อสรุปการลงทุน