> SET > JMT

24 ธันวาคม 2020 เวลา 12:17 น.

JMTลั่้นปี64ผลงานโต30% รุกสอยNPLอัพพอร์ตเพิ่ม

ทันหุ้น - JMTเคาะเป้าปี 2564 ผลงานโต 30% จากปี 2563 รับบริหารหนี้พุ่ง-ประกันหนุน แถม Q4/2563 ฟอร์มแจ๋ว รับยอดเก็บหนี้พุ่ง พร้อมเดินหน้าสอย NPL ใหม่ต่อเนื่อง อัพฐานเพิ่มจากเดิมราว 1.9 แสนล้านบาท กินยาวได้มากกว่า 10 ปี ด้านโบรกเกอร์ ชูสตอรี่เด่น-อนาคตไกล


นายสุทธิรักษ์ ตรัยชิรอาภรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส จำกัด (มหาชน) หรือ JMT เปิดเผยว่า ในปี 2564 บริษัทตั้งเป้าผลงานจะเติบโตราว 30% เมื่อเทียบกับปี 2563 เนื่องจากแนวโน้มธุรกิจการบริหารจัดการหนี้เสีย (NPL) ยังขยายตัวต่อเนื่อง นอกเหนือ จากธุรกิจประกันภัยและอื่นๆ ที่เข้ามาสนับสนุนการเติบโตของบริษัทอีกทางหนึ่ง


ทั้งนี้ ปัจจุบันสัดส่วนรายได้ของ JMT แบ่งเป็น ธุรกิจการบริหารพอร์ตหนี้เสีย (NPL) และการรับจ้างติดตามหนี้อยู่ที่กว่า 80% งานติดตามหนี้ 12% ธุรกิจประกันภัยอีกราว 8% โดยหากจำแนกธุรกิจบริหาร NPL นั้นในขณะนี้มีอยู่ราว 1.91 แสนล้านบาท จากทั้งหนี้ไม่มีหลักประกัน และมีหลักประกันเฉพาะซึ่งสามารถสร้างผลตอบแทนให้กับบริษัทได้อย่างต่อเนื่องไม่ต่ำกว่า 10 ปีนับจากนี้


โค้งท้ายฟอร์มสวย

ขณะที่ปี 2563 บริษัทยังคงเป้าการเติบโตไว้ประมาณ 30% เมื่อเทียบกับปี 2562 ที่มีกำไรราว 681ล้านบาท หลังธุรกิจมีแนวทางในการขยายพอร์ตบริหาร NPL จากสถาบันการเงินต่างๆ เข้ามาเพิ่มเติมส่งผลให้รายรับจากส่วนดังกล่าวขยับสูงขึ้น นอกเหนือ จากธุรกิจประกันภัยมีทิศทางที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งธุรกิจยังสามารถบริหารจัดการต้นทุนได้มีประสิทธิภาพ


ส่วนทิศทางผลงานในไตรมาส 4/2563 บริษัทประเมินว่าน่าจะเติบโตต่อเนื่องจากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากในส่วนของธุรกิจบริหารจัดการหนี้เสียขยายตัวต่อเนื่อง ประกอบกับธุรกิจในส่วนอื่นๆ ยังอยู่ในเกณฑ์ที่ดี รวมทั้งธุรกิจยังบริหารจัดการต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ


ชูสตอรี่เด่น

ด้านนักวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ฝ่ายวิเคราะห์มีมุมมองเป็นบวกต่อหุ้น JMT เนื่องจากทางฝ่ายวิเคราะห์เห็นการเติบโตของ JMT ยังดีและแข็งแรง หลังตัวเลขกำไรสุทธิในไตรมาส 3/2563 อยู่ราว 283 ล้านบาท เติบโต 49% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งดีกว่าคาด 17% มาจากทั้งยอดเก็บเงินสดเท่ากับ 985 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 35% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ผลจากฟื้นตัวได้ตามกิจกรรมเศรษฐกิจและพอร์ตหนี้ (Investment) 1.5 หมื่นล้านบาท เติบโต 38% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน


 และที่น่าสนใจคือเป็นเงินสดที่มาจากกองหนี้ที่ตัดต้นทุนหมด (Revenue 100%) จึงสามารถบันทึกรายได้-กำไรทางบัญชีได้ก้าวกระโดด ทำให้อัตรากำไรขั้นต้น (GPM) อยู่ที่ 70% และอัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ราว 36% ทำจุดสูงสุดใหม่เช่นกันส่งผลให้กำไรสุทธิในงวด 9 เดือนปี 2563 คิดเป็น 82% ของประมาณการเดิม


อย่างไรก็ดี ทางฝ่ายวิเคราะห์ได้ปรับประมาณการกำไรเพิ่มขึ้น เพื่อสะท้อนอัตรากำไรที่ดีขึ้นพัฒนาการบวกที่มากกว่าคาดนั้นเป็นผลมาจาก สัดส่วนยอดเงินสดที่ไม่มีต้นทุน (Revenue 100%) ได้เพิ่มขึ้นมาเป็น 24% จากในอดีตเฉลี่ย 10-15% ของยอดเก็บเงินสดรวม เป็นไปตามการเพิ่มขึ้นของปริมาณกองหนี้ที่ตัดต้นทุนหมด (Fully Amortized) ณ สิ้นไตรมาส 3/2563 ที่ 4.3 หมื่นล้านบาท เติบโต 19% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นทุกปี จะทำให้ GPM ยืนในระดับสูงและเติบโตได้อีกจาก 59% ในปีนี้เป็น 62% ในปี 2564 ซึ่งจะสะท้อนลงอัตรากำไรสุทธิ (NPM) เช่นกัน 


โดยฝ่ายวิเคราะห์ประมาณการกำไรปี 2563 ไว้ราว 997 ล้านบาท และประเมินว่ากำไรน่าจะขยายตัวต่อเนื่องอีก 32% ในปี 2564 เป็นไปตามการเดินหน้าขยายพอร์ตหนี้ด้อยคุณภาพ


ดังนั้น จากปัจจัยดังกล่าว ประกอบปัจจัยพื้นฐานของธุรกิจที่แข็งแกร่ง อีกทั้งทาง JMT ยังรักษาการเติบโตปี 2564 ได้ในระดับที่สูง ทำให้ JMT สมควรที่จะซื้อขายในระดับที่มี premium สูงกว่าตลาดและกลุ่มบริหารหนี้ฯด้วยกัน ราคาหุ้นที่ปรับตัวลงเป็นโอกาสสะสม Growth stock ก่อนเข้าสู่ Earnings play จะเริ่มขึ้นรอบใหม่

จาก
ถึง
Select...
หุ้น
Select...
หัวข้อ
Select...

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

อ่านต่อ

เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา  อ่านเพิ่มเติม

X